มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer) เกิดจากอะไร?
25 มกราคม 2567
ผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกมากอันดับที่ 3 (11.1%) รองจากมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก แต่ละปีจะมีผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งปากมดลูกประมาณ 6,000 – 8,000 คน และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 8-10 คน(ข้อมูลจาก HOSPITAL-BASED CANCER REGISTRY 2020 สถาบันมะเร็งแห่งชาติ) ส่วนใหญ่มักพบในช่วงอายุระหว่าง 35 – 50 ปี
โรคมะเร็งปากมดลูกคืออะไร
โรคมะเร็งปากมดลูก คือการเจริญเติบโตของเซลล์ที่ผิดปกติ (Dysplasia) ที่เกิดภายในเยื่อบุปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกมักจะเติบโตอย่างช้าๆ เมื่อเวลาผ่านไป ถ้าหากเซลล์ที่ผิดปกติไม่ถูกทำลายหรือเอาออกไป อาจกลายเป็นเซลล์มะเร็งลุกลามจนแพร่กระจายเข้าไปในปากมดลูกและบริเวณรอบๆ ได้
ประเภทของมะเร็งปากมดลูก
ซึ่งแบ่งตามชื่อของเซลล์มะเร็ง
1. มะเร็ง Squamous cell carcinoma (SCC) หรือมะเร็งเซลล์สความัส
คือประเภทของมะเร็งที่เกิดขึ้นจากเซลล์สความัส (Squamous Cells) ทำหน้าที่ปกป้องและเป็นส่วนสำคัญในการประสานทางการหายใจและทางเดินทางอาหาร เกิดขึ้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่พันธุกรรม ทำให้เซลล์เจริญเติบโตผิดปกติ มักพบบ่อยในท่อทางเดินทางการหายใจ, หลอดอาหาร, ผิวหนัง, ช่องปาก, กระเพาะอาหาร, มดลูก, หลอดลม, หรือบางกระทุ้ง
2. มะเร็งต่อมหมวกไต (Renal Capsule) หรือมะเร็งไต
เป็นมะเร็งที่เกิดขึ้นในต่อมหมวกไต ลักษณะเป็นชั้นบุผนังบางๆ ที่ปกคลุมไตอยู่ มีหน้าที่ปกป้องและรักษาไต ซึ่งเกิดจากการสูบบุหรี่ โรคทางพันธุกรรม หรือการใช้ยาบางชนิด เกิดขึ้นได้ในไตทั้งสองข้าง แต่มักพบมากกว่าในไตที่ถูกใช้งานเยอะ
โรคมะเร็งปากมดลูกเกิดจากอะไร
โรคมะเร็งปากมดลูกเกือบทุกกรณีมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ Human Papillomavirus (HPV) และอีกประการหนึ่งของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกก็คือ การสูบบุหรี่ ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ และการรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลาห้าปีขึ้นไปนั่นเอง
ข้อควรรู้: ผู้หญิงประมาณแปดใน 10 คนจะติดเชื้อ HPV ที่อวัยวะเพศในช่วงหนึ่งของชีวิต ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อ HPV ไม่เคยเป็นมะเร็งปากมดลูก หากกังวลสามารถรับคำแนะนำจากจากศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ เพื่อรับวัคซีนป้องกันได้
มะเร็งปากมดลูก มีอาการอย่างไร
วิธีที่จะทราบได้ว่ามีเซลล์ผิดปกติที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ก็คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก หากการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ในระยะเริ่มแรกพัฒนาไปสู่มะเร็งปากมดลูก จะมีสัญญาณดังนี้
-
มีเลือดออกทางช่องคลอด
-
มีประจำเดือนเยอะและนานกว่าปกติ
-
รู้สึกเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์
-
มีเลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์
-
ปวดกระดูกเชิงกราน
-
ตกขาวผิดปกติ เช่น มีตกขาวมากขึ้น หรืออาจมีสีหรือกลิ่นรุนแรง
-
มีเลือดออกทางช่องคลอดหลังวัยหมดประจำเดือน
ทั้งนี้ทั้งนั้น อาการที่เกิดขึ้นก็ขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็งปากมดลูกที่ผู้ป่วยกำลังเป็นอยู่ด้วย
วิธีป้องกันโรคมะเร็งปากมดลูก
การฉีดวัคซีน HPV (Human Papillomavirus)
วัคซีน HPV (Human Papillomavirus) มักจะให้ในรูปแบบของการฉีดเข็มทางกล้ามเนื้อ ซึ่งจะฉีดตามลำดับแนวทางขององค์การอนามัยโลก (WHO) และหลายประเทศ
ค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัคซีน HPV ที่นี่
การมีวัคซีน HPV ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ หากคุณได้รับการฉีดวัคซีนป้องกัน HPV คุณควรได้รับการตรวจคัดกรองครั้งแรกเมื่ออายุ 25 ปี และทุกๆ 5 ปี รับคำแนะนำและข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สุขภาพสตรี โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก
การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูก หากผลการตรวจคัดกรองของคุณบ่งชี้ว่าคุณมีอาการของโรคมะเร็ง จะถูกส่งต่อไปยังผู้ชำนาญการเพื่อทำการตรวจเพิ่มเติม
การทดสอบเพื่อวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกคือ
การตรวจด้วยกล้อง Colposcopy ด้วยการตรวจชิ้นเนื้อ เพื่อระบุว่ามีเซลล์ที่ผิดปกติอยู่ตำแหน่งไหนในปากมดลูก และมีลักษณะเป็นอย่างไร โดยการสอดเครื่องถ่างเข้าไปในช่องคลอดเพื่อให้แพทย์สามารถดูปากมดลูกและช่องคลอดผ่านโคลโปสโคป ซึ่งขั้นตอนนี้ปกติจะทำโดยนรีแพทย์หรือพยาบาล
หากเห็นบริเวณที่น่าสงสัย แพทย์จะนำตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์โดยนักพยาธิวิทยาต่อไป
มะเร็งปากมดลูก มีกี่ระยะ
ระยะของโรคมะเร็งปากมดลูก แบ่งออกเป็น ระยะก่อนมะเร็ง มะเร็งระยะเริ่มต้น และมะเร็งระยะลุกลาม
ระยะก่อนมะเร็ง ระยะนี้เซลล์มะเร็งยังอยู่ภายใต้ชั้นเยื่อบุผิวปากมดลูก ไม่ลุกลามเข้าไปในเนื้อปากมดลูก ผู้ป่วยจะไม่มีอาการผิดปกติเลย ตรวจพบได้ด้วยการตรวจคัดกรองทางเซลล์วิทยา หรือ ตรวจแพปสเมียร์ (Pap Smear)
มะเร็งปากมดลูก แบ่งออกเป็น 4 ระยะย่อย คือ
- ระยะที่ 1 มะเร็งระยะเริ่มต้น รอยโรคอยู่ภายในปากมดลูกเท่านั้น
- ระยะที่ 2 มะเร็งลุกลามไปที่เนื้อเยื่อข้างปากมดลูก และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนบน
- ระยะที่ 3 มะเร็งลุกลามไปที่ด้านข้างของเชิงกราน และ (หรือ) ผนังช่องคลอดส่วนล่าง หรือกดท่อไตจนเกิดภาวะไตบวมน้ำ
- ระยะที่ 4 มะเร็งลุกลามไปที่กระเพาะปัสสาวะ ไส้ตรง หรืออวัยวะอื่น ๆ เช่น ปอด กระดูก และต่อมน้ำเหลืองนอกเชิงกราน เป็นต้น
การรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกรักษาได้ด้วยวิธีใดบ้าง
ประเภทของการรักษาจะขึ้นอยู่กับผลการตรวจ ตำแหน่งของมะเร็ง การแพร่กระจาย อายุและสุขภาพโดยทั่วไปของผู้ป่วย
การรักษามะเร็งปากมดลูกที่พบบ่อยที่สุดคือ
- การผ่าตัด
- การใช้เคมีบำบัด
- การฉายรังสี
การผ่าตัด
เหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีเนื้องอกในปากมดลูกเท่านั้น มะเร็งแพร่กระจายไปไกลแค่ไหนภายในปากมดลูกจะเป็นตัวกำหนดประเภทของการผ่าตัดที่คุณจะต้องทำ มะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะหญิงสาวที่ต้องการมีลูก จะได้รับการรักษาด้วยการตัดชิ้นเนื้อโคน โดยเอาเนื้อเยื่อรอบมะเร็งออก
เคมีบำบัด
คือการใช้ยาเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งหรือชะลอการเจริญเติบโต อาจให้เคมีบำบัดหากมะเร็งลุกลามหรือกลับมาเป็นซ้ำหลังการรักษา บางครั้งเคมีบำบัดอาจใช้ร่วมกับการฉายรังสี
การบำบัดด้วยรังสี (รังสีบำบัด)
ใช้รังสีเอกซ์เพื่อฆ่าหรือทำลายเซลล์มะเร็ง โดยมุ่งเป้าไปที่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่เป็นมะเร็งหรือบริเวณที่เซลล์มะเร็งอาจแพร่กระจายไป
ซึ่งการรักษาด้วยรังสีมี 2 วิธีหลักๆ ได้แก่
- การฉายรังสีจากภายนอก โดยเครื่องส่งรังสีจากภายนอกร่างกายไปยังปากมดลูก ต่อมน้ำเหลือง และอวัยวะอื่นๆ ที่อาจต้องได้รับการรักษาอย่างแม่นยำ
- การบำบัดด้วยรังสีภายในหรือที่เรียกว่า Brachytherapy จะส่งรังสีจากภายในร่างกายไปยังเนื้องอกโดยตรง นอกจากนี้ยังเป็นวิธีการลดปริมาณรังสีที่ส่งไปยังอวัยวะใกล้เคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะและลำไส้
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกสุขภาพสตรี
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -20.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4204