Header

ไวรัสตับอักเสบซี โรคร้ายที่มาแบบไม่เตือน

ไวรัสตับอักเสบมีหลายชนิด และไวรัสตับอักเสบซี คือหนึ่งในโรคที่ไม่ควรประมาท เพราะผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะไม่มีอาการผิดปกติ กว่าจะทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ตับมักเริ่มเสื่อมมากแล้ว ซึ่งพบได้โดยการตรวจเลือดเท่านั้น ผู้ที่เป็นและไม่ได้รับการรักษาจะกลายเป็นไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรัง และในที่สุดจะเกิดภาวะแทรกซ้อนที่สำคัญ ได้แก่ ตับแข็ง และมะเร็งตับ ซึ่งสุดท้ายอาจส่งผลอันตรายถึงชีวิต

ไวรัสตับอักเสบ ซี คืออะไร ?

ไวรัสตับอักเสบ ซี เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชนิด ซี ซึ่งโรคที่พบได้บ่อยพอควร โดยเฉพาะในผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีดเข้าเส้น แต่ผู้ป่วยมักจะไม่ทราบมาก่อนว่ามีเชื้อนี้อยู่ในร่างกาย จะทราบก็ต่อเมื่อไปตรวจร่างกายแล้วพบการทำงานของตับผิดปกติ และตรวจเลือดพบการติดเชื้อ

เชื้อไวรัสตับอักเสบซีติดต่อกันอย่างไร ?

ไวรัสตับอักเสบ ซี สามารถติดต่อกันทางเลือด การใช้เข็มร่วมกัน การฟอกไตในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง  เพศสัมพันธ์ คล้ายกับไวรัสตับอักเสบ บี แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการให้นมบุตร การจามหรือไอรดกัน การรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำด้วยกัน และการใช้ถ้วยชามร่วมกัน

ใครบ้างที่เป็นกลุ่มเสี่ยงเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ?

  • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์
  • ชายรักชาย และพนักงานบริการทางเพศ
  • ผู้ที่มีประวัติใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น
  • ผู้ต้องขังหรือผู้เคยมีประวัติต้องขัง
  • ผู้ที่เคยได้รับเลือดและ/หรือรับบริจาคอวัยวะก่อนปี พ.ศ. 2535
  • ผู้ที่เคยสักผิวหนัง เจาะผิวหนังหรืออวัยวะต่าง ๆ ในสถานประกอบการที่ไม่ใช่ สถานพยาบาล
  • ผู้ที่มีภาวะไตวายเรื้อรังที่จำเป็นต้องได้รับการฟอกไตเป็นประจำ
  • ผู้ที่เป็นคู่สมรส หรือผู้ที่มีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง รวมทั้ง สมาชิกในครอบครัวเดียวกัน
  • ผู้ที่มีมารดาเป็นผู้ป่วยโรคไวรัสตับอักเสบ ซี เรื้อรัง
  • ผู้ที่เคยรับการรักษาจากผู้ที่ไม่ใช่บุคลากรทางการแพทย์ และสาธารณสุข เช่น ฉีดยา ทำฟัน หรือหัตถการอื่น ๆ
  • ผู้ที่มีค่าเอนไซม์ของตับผิดปกติ
  • ผู้ที่สัมผัสหรือมีประวัติสัมผัสเลือด หรือสารคัดหลั่งของผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัส ตับอักเสบ ซี

อาการของโรคไวรัสตับอักเสบ ซี

แบ่งได้เป็น 3 ระยะ ดังนี้

ระยะที่ 1 ตับอักเสบเฉียบพลัน

หลังจากไวรัสตับอักเสบ ซี เข้าสู่ร่างกายแล้วจะทำให้เกิดการ อักเสบของตับ แต่ส่วนมากผู้ป่วยจะไม่มีอาการ มีเพียงประมาณร้อยละ 25-30 ของผู้ป่วย จะมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง ที่เรียกว่า ดีซ่าน ดังนั้นผู้ป่วยส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าตัวเอง เกิดการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี แบบเฉียบพลัน

ระยะที่ 2 ตับอักเสบเรื้อรัง

ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี มากกว่าร้อยละ 80 จะเกิดภาวะตับอักเสบเรื้อรัง ซึ่ง ในระยะแรกผู้ป่วยมักจะไม่มีอาการ จนเมื่อตับถูกทำลายไปมากพอควรหรือมีการอักเสบของตับมาก ผู้ป่วยจะมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร

ระยะที่ 3 ตับแข็ง

ในระยะแรก ยังไม่มีอาการ หรือความผิดปกติ ผู้ป่วยยังสามารถมีชีวิต ทำงานได้ ตามปกติเหมือนเดิมจนกระทั่งผู้ป่วยสูญเสียการทำงานของตับมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็จะเริ่มมี อาการต่าง ๆ ซึ่งอาการแสดงแบ่งเป็น 2 ระยะ

อาการที่เกิดจาการสูญเสียการทำงานของเซลล์ตับ ทำให้การสร้างสารอาหาร พลังงาน และการทำลายพิษต่าง ๆ ผิดปกติ อาจพบอาการ ดังนี้

  • อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ผอมลง
  • ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • ท้องมาน ขาบวม
  • ผิวดำคล้ำ แห้ง คันโดยไม่มีแผล หรือผื่นมากกว่าเดิม
  • เลือดกำเดาออก เลือดออกตามไรฟัน
  • ผิวหนังช้ำ เขียวง่าย
  • ไวต่อยาหรือสารพิษต่าง ๆ มากกว่าปกติ
  • สมองมึนงง ซึม สับสน หรือโคม่า

 อาการที่เกิดจากภาวะตับแข็ง (Cirrhosis)

  • อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ ถ่ายเป็นเลือด เนื่องจากมีการแตกของหลอดเลือดโป่งพองในหลอดอาหาร (Esophageal varices)
  • ม้ามโต
  • ซีด เกล็ดเลือดต่ำ เม็ดเลือดขาวต่ำ
  • มะเร็งตับ

การรักษาผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซี

แพทย์จะพิจารณาตามภาวะของโรค และโรคร่วมต่าง ๆ ที่ผู้ป่วยเป็น โดยโรคนี้สามารถรักษาให้หายได้โดยการรับประทานยาร่วมกับยาฉีด สามารถกำจัดเชื้อให้หายขาดอย่างถาวร โดยประเมินจากจำนวนเชื้อไวรัสในเลือดหลังการรักษา ซึ่งจะช่วยให้อาการตับอักเสบดีขึ้น และหายไป ป้องกันไม่ให้เกิดตับแข็ง และมะเร็งตับ

ไวรัสตับอักเสบ ซี นี้เป็นสาเหตุของมะเร็งตับ และทำให้เกิดภาวะตับแข็ง ไวรัสตับอักเสบ ซี เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้โดยไม่มีสัญญาณเตือนเมื่อรับเชื้อแต่สิ่งที่เราสามารถทำได้ คือการตรวจสุขภาพประจำปี เมื่อทราบผล และรับการรักษาในตอนต้นจะให้ผลการรักษาที่ดี อีกทั้งยังสามารถระมัดระวังดูแลตนเองเพื่อป้องกันการเกิดโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องตามมาได้อีกด้วย

 

ที่มา : ศูนย์ประสานงานโรคตับอักเสบจากไวรัส กองโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข

 



แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์รู้จักมากว่า 500 ปีแล้ว ซึ่งอาจเกิดจากการกัด หรือ ข่วน จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว หนู เป็นต้น

blank ความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคพิษสุนัขบ้า

โรคพิษสุนัขบ้า เป็นโรคติดต่อร้ายแรงชนิดหนึ่ง ที่มนุษย์รู้จักมากว่า 500 ปีแล้ว ซึ่งอาจเกิดจากการกัด หรือ ข่วน จากสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น สุนัข แมว หนู เป็นต้น

blank ความรู้เรื่องโรคพิษสุนัขบ้าจากเว็บไซต์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
กินดี…หัวใจดี๊ดี…กับสุดยอดอาหารบำรุงหัวใจ

ใครต่อใครก็ปรารถนา อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แล้วถ้าเราอยากบำรุงหัวใจแบบเน้น ๆ ควรทานอาหารประเภทใดดี ?

blank โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
กินดี…หัวใจดี๊ดี…กับสุดยอดอาหารบำรุงหัวใจ

ใครต่อใครก็ปรารถนา อยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง แล้วถ้าเราอยากบำรุงหัวใจแบบเน้น ๆ ควรทานอาหารประเภทใดดี ?

blank โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย โดยจะมีอุบัติการณ์มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้นตั้งแต่50ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเช่น การตรวจพบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่(colonic polyp), การมีญาติใกล้ชิดเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่, โรคลำไส้อักเสบ(inflammatory bowel disease), การทานผักน้อยและทานเนื้อสัตว์จำนวนมาก เป็นต้น

การคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่

โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งที่พบบ่อยในประเทศไทย โดยจะมีอุบัติการณ์มากขึ้นเมื่อมีอายุมากขึ้นตั้งแต่50ปีขึ้นไป นอกจากนั้นยังมีปัจจัยที่เพิ่มความเสี่ยงเช่น การตรวจพบติ่งเนื้อลำไส้ใหญ่(colonic polyp), การมีญาติใกล้ชิดเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่, โรคลำไส้อักเสบ(inflammatory bowel disease), การทานผักน้อยและทานเนื้อสัตว์จำนวนมาก เป็นต้น