ปวดท้องประจำเดือน…แบบไหนที่ผิดปกติ
29 มกราคม 2567
ปวดท้องประจำเดือนคืออะไร
ปวดประจำเดือนคือ อาการปวดตุบๆ หรือตะคริวบริเวณช่องท้องส่วนล่าง ผู้หญิงจำนวนมากจะมีอาการปวดประจำเดือนก่อนและระหว่างมีประจำเดือน
อาการปวดท้องประจำเดือน
อาการของอาการปวดประจำเดือน ได้แก่
-
ปวดตุบๆ หรือตะคริวที่ช่องท้องส่วนล่างซึ่งอาจจะปวดแบบรุนแรงได้
-
จะรู้สึกปวดท้องก่อนมีประจำเดือนประมาณ 1-3 วัน
-
หน้าตาหมองคล้ำและรู้สึกปวดอย่างต่อเนื่อง
-
ปวดร้าวไปที่บริเวณหลังส่วนล่างและบริเวณต้นขา
ผู้หญิงบางคนอาจจะมีอาการเหล่านี้ร่วมด้วย
-
คลื่นไส้ อาเจียน
-
ถ่ายเหลว
-
ปวดศีรษะ
-
วิงเวียนศีรษะ
สาเหตุของการปวดประจำเดือน
การปวดประจำเดือนหรืออาการที่เรียกว่า "ดีเมนส์ทรูเอชั่น" เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการรายเดือนของหญิงที่เข้าสู่วัยรุ่นหรือวัยหนุ่มสาว แม้ว่าเด็กที่มีอายุ 10 ขวบจะยังไม่ได้เข้าสู่ระหว่างเดือน แต่สามารถอธิบายให้เข้าใจได้ดังนี้:
-
การเตรียมตัวของร่างกาย เมื่อหญิงเริ่มเข้าสู่วัยรุ่น, ร่างกายของเธอจะเริ่มผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างระบบการทำงานของมดลูกและมดลูก ฮอร์โมนเหล่านี้ได้แก่ Estrogen และ Progesterone ซึ่งมีบทบาทในกระบวนการเตรียมตัวสำหรับการตั้งครรภ์
-
การหดตัวของมดลูก ในช่วงระยะเวลาที่เป็นระหว่างเดือน, มดลูกจะหดตัวเพื่อทำลายชั้นหนังลายที่เกิดขึ้นบนผนังมดลูก การหดตัวนี้ส่งผลให้เกิดความปวดที่เรียกว่า "คอนแทรคชั่น" ซึ่งสามารถทำให้เกิดความปวดประจำเดือน
-
การเปลี่ยนแปลงในระดับฮอร์โมน ระหว่างรอบประจำเดือน, ระดับฮอร์โมน Estrogen และ Progesterone มีการเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถทำให้เกิดอาการปวดและความรู้สึกไม่สบาย
-
การปลดปล่อย Prostaglandin ร่างกายของหญิงมีการปลดปล่อยสารเคมีที่เรียกว่า Prostaglandin ในระหว่างการมีประจำเดือน สารเคมีนี้มีบทบาทในการกระตุ้นการหดตัวของมดลูกและส่งผลให้เกิดอาการปวด
ทำไมเลือดประจำเดือนถึงมีกลิ่น
เหตุผลที่เลือดประจำเดือนมีกลิ่นนั้น เกิดจากการสลายตัวของสารต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแบคทีเรียในช่องคลอด สารไอรอน เส้นใยในเลือด เมื่อไหร่ที่เลือดประจำเดือนไหลออกมา ก็จะมีการปล่อยกลิ่นตามออกมาด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าหากว่ามีกลิ่นแรงผิดปกตินั้นก็ควรพบแพทย์เพื่อรับการประเมินสุขภาพ
เหตุผลที่เลือดประจำเดือนมีกลิ่นเกิดจาก
1. ช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย
เป็นการติดเชื้อที่เกิดจากการเติบโตของแบคทีเรียในช่องคลอดมากเกินไป ซึ่งมักจะพบมากที่สุดในผู้หญิงอายุ 15-44 ปี ซึ่งอาการก็คือจะมีตกขาวสีเทาหรือสีขาวนวล มีอาการคันบริเวณช่องคลอด
2. การใช้ผ้าอนามัยแบบสอดเป็นเวลานานๆ
อาจส่งผลให้เกิดผื่นแดงเหมือนผิวไหม้แดด รู้สึกสับสน ท้องร่วง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อ มีไข้สูง ความดันโลหิตต่ำ ตา ปาก หรือลำคอแดง ชัก รู้สึกไม่สบายตัว
อาการปวดประจำเดือนที่ผิดปกติ
ควรไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
-
ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ โดยความเจ็บปวดจะเพิ่มขึ้นทุกเดือน
-
ปวดท้องประจำเดือนอย่างรุนแรง จนต้องทานยาแก้ปวด มากกว่าวันล่ะ 1 ครั้ง หรือเคยต้องฉีดยาแก้ปวดมากกว่า 1 ครั้ง
-
ขณะมีประจำเดือนมีอาการปวดท้องอยากถ่ายอุจจาระ ไปถ่ายอุจจาระแต่ไม่มีอุจจาระออกมา
-
ปวดและกดเจ็บตรงบริเวณท้องน้อยข้างใดข้างหนึ่ง และมักมีอาการปวดร้าวลงมาที่ช่องคลอดข้างเดียวกันหรือปวดร้าวไปที่ขา
-
ปวดประจำเดือนมาก ร่วมกับการมีเลือดออกกระปริบกระปรอย หรือประจำเดือนมามากกว่าปกติ ในบางรายอาจมามากกว่า 1 ครั้งใน 1 เดือน
-
มีอาการปวดท้อง ขณะมีเพศสัมพันธ์
ยกตัวอย่าง: โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดที่ผิดปกติ เช่น
-
เนื้องอกมดลูก
-
เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
-
เลือดออกในอุ้งเชิงกราน
-
ผังผืดในอุ้งเชิงกราน
-
เนื้องอกของรังไข่
-
ปีกมดลูกอักเสบ
-
นิ่วในท่อไต
-
โรคทางลำไส้
โรคที่เกี่ยวข้องกับอาการปวดท้องประจำเดือนที่ผิดปกติบางโรค อาจส่งผลถึงภาวะมีบุตรยาก ดังนั้นหากคุณผู้หญิงมีอาการปวดท้องประจำเดือนที่ผิดปกติไปจากเดิม ไม่ควรนิ่งนอนใจ ให้รีบมาตรวจเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาและเข้าปรึกษากับสูตินรีแพทย์ เพื่อการรักษาเฉพาะทางนรีเวช เช่น การตรวจอัลตราซาวด์ เพื่อเช็คอาการอย่างละเอียดต่อไป
บทความโดย : นพ.นพเมศฐ์ ศรีจารุสิทธิ์ สูตินรีแพทย์ (มะเร็งวิทยานรีเวช)
แผนกสุขภาพสตรี โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
หากคุณต้องการนัดหมายแพทย์ เพื่อทำการปรึกษา
สามารถติดต่อสอบถามเราได้
Call Center 02-080-5999 หรือ LINE : @psuv
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกสุขภาพสตรี
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -20.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4204