การตรวจหัวใจด้วย คลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง ECHOCARDIOGRAM
ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram) เป็นการตรวจหลอดเลือดใหญ่และหัวใจ ทำงานโดยการอาศัยหลักของการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเช่นเดียวกับอัลตราซาวด์
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง ECHOCARDIOGRAM
การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
เป็นการตรวจหลอดเลือดใหญ่และหัวใจ โดยใช้เครื่องมือที่ใช้เทคโนโลยีสูง ทำงานโดยการอาศัยหลักของการส่งคลื่นเสียงความถี่สูงเช่นเดียวกับอัลตราซาวด์ คือการส่งคลื่นเสียงที่สะท้อนกลับมาประมวลผลแล้วปรากฎออกมาเป็นภาพ ซึ่งจะทำให้สามารถเห็นการทำงานของหัวใจ
สิ่งที่เห็นได้การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง คือ
1. ลักษณะของกล้ามเนื้อหัวใจ ลิ้นหัวใจ เยื่อหุ้มหัวใจ
2. การไหลเวียนของเลือดผ่านหัวใจห้องต่าง ๆ
3. การเคลื่อนไหวของหัวใจ รวมถึงการทำงานเปิด – ปิดของลิ้นหัวใจทั้ง 4 ลิ้นได้
4. การทำงานของหัวใจขณะกำลังบีบตัว และคลายตัว
5. อาจใช้ร่วมกับการออกกำลัง หรือการให้ยาเร่งการทำงานของหัวใจ เพื่อประเมินสภาวะหัวใจขาดเลือดได้ (Stress Echocardiogram)
ประโยชน์ของการตรวจคลื่นเสียงสะส้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
สามารถตรวจวิเคราะห์หัวใจชนิดต่าง ๆ ได้แก่
1. โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตายพร้อมทั้ง สามารถบอกตำแหน่งของส่วนกล้ามเนื้อหัวใจที่ตายได้รวมถึงสามารถวัดแรงบีบตัวของหัวใจ และการคลายตัวของหัวใจ
2. โรคลิ้นหัวใจผิดปกติทั้งชนิด ลิ้นหัวใจรั่ว และตีบ ซึ่งสามารถบอกความรุนแรง ก่อนพิจารณาทำการผ่าตัดในรายที่เป็นมากสามารถบอกสาเหตุของโรคลิ้นหัวใจบางชนิดได้
3. โรคที่เกี่ยวกับเยื่อหุ้มหัวใจ เช่น เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบเรื้อรังภาวะน้ำในเยื่อหุ้มหัวใจ ซึ่งนอกจากจะใช้บอกความรุนแรงของโรคแล้วยังมีส่วนสำคัญในการบอก ตำแหน่งที่จะใช้เจาะดูดน้ำออก ทำให้สามารถใช้เป็นทั้งการวินิจฉัยโดยส่งน้ำที่ไปดูดได้ไปวิเคราะห์ทางห้องปฎิบัติการ และใช้เป็นการ
รักษาในรายที่มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจเป็นจำนวนมาก มีการบีบรัดการทำงานหัวใจ
4. โรคผิดปกติของหัวใจแต่กำเนิด เช่น ผนังกั้นห้องหัวใจรั่วที่ห้องบน และล่าง, ลิ้นหัวใจผิดปกติแต่กำเนิด
5. สามารถประเมินความเสี่ยงของผู้ป่วยในกรณีที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะอื่นที่ไม่ใช่หัวใจ เป็นต้น
ใครบ้างที่ควรได้รับการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
โดยทั่วไปแล้ว Echo ถือเป็นการตรวจพิเศษที่ไม่อยู่ในรายการตรวจสุขภาพทั่วไปดังนั้นบุคคลที่ควรได้รับการตรวจ Echo คือ
1. มีโรคหัวใจชนิดต่าง ๆ อยู่ก่อนแล้ว เช่น ลิ้นหัวใจตีบ หรือรั่ว โรคของกล้ามเนื้อหัวใจการตรวจ Echo จะมีประโยชน์มากในการติดตามการรักษา และการดำเนินของโรค
2. แพทย์ตรวจร่างกายแล้วพบว่า มีเสียงผิดปกติ เช่น มีเสียงฟู่ (Murmur), ตำแหน่งหัวใจไม่อยู่ที่ปกติ การตรวจด้วย Echo จะทำให้การวินิจฉัยโรคถูกต้อง และแม่นยำขึ้น
3. มีประวัติในครอบครัวเป็นโรคหัวใจบางชนิด ซึ่งอาจถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ หรือบุคคลในครอบครัวถึงแก่กรรมทันทีทันใดโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน
4. หัวใจโตโดยไม่ทราบสาเหตุ
5. ผู้ป่วยโรคหัวใจที่จะเข้ารับการผ่าตัดใหญ่
6. ผู้ป่วยที่มีอาการที่แพทย์ประเมินเบื้องต้นแล้วสงสัย โรคระบบหัวใจและหลอดเลือดต้องการสืบค้นเพิ่มเติม
การเตรียมตัวก่อนการตรวจ และการดูแลหลังการตรวจคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiogram)
วิธีการปฏิบัติตน
1. ไม่ต้องงดน้ำ และอาหารก่อนมาทำการตรวจ ยกเว้นการตรวจพิเศษบางอย่าง อาจจะต้องงดน้ำ และอาหารล่วงหน้าประมาณ 4 – 6 ชั่วโมง
2. ผู้รับการตรวจควรสวมเสื้อผ้าที่สามารถถอด หรือเปิดบริเวณหน้าอกได้ง่ายเพื่อความสะดวกในการตรวจ (ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่จะให้ถอดเสื้อผ้า และเสื้อชั้นในออก และใส่เสื้อคลุมที่จัดเตรียมให้แทน)
3. การตรวจใช้เวลาประมาณ 30 นาที
ขั้นตอนการตรวจ
1. ให้ผู้ป่วยนอนบนเตียงราบ เจ้าหน้าที่จะติดแผ่นขั้วไฟฟ้าหัวใจ
2. ตะแคงไปด้านซ้ายเล็กน้อยมือซ้ายพาดขึ้นบน และเปิดส่วนของผ้าบริเวณทรวงอก
3. แพทย์จะเริ่มทำการตรวจโดยใช้เจลใสป้ายบริเวณทรวงอก และใช้หัวตรวจซึ่งไม่มีความแหลมกดบริเวณหน้าอก และขยับไปมา ตามตำแหน่งที่ต้องการให้เห็นภาพ
บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (บางนา กม 6.5)
#หัวใจคุณให้พริ้นซ์ช่วยดูเเล
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -15.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4601 หรือ 092 131 6465