การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย Exercise Stress Test
การตรวจสมรรถภาพหัวใจ โดยการเดิน การวิ่งบนสายพาน เพื่อทดสอบว่าเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดหรือไม่ การตรวจวิธีนี้มีความแม่นยำสูงกว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบปกติ เป็นการตรวจที่มีประโยชน์มาก
การตรวจสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย Exercise Stress Test
เป็นการตรวจสมรรถภาพหัวใจ โดยให้ผู้ป่วยออกกำลังกายด้วย การเดิน / การวิ่งบนสายพาน เพื่อทดสอบว่าเมื่อหัวใจต้องการออกซิเจนเพิ่มมากขึ้นขณะออกกำลังจนถึงเกณฑ์ที่กำหนดแล้ว จะเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด หรือไม่ ซึ่งผู้ป่วยบางรายอาจแสดงอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยมากหน้ามืด และมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกาย
การตรวจวิธีนี้มีความแม่นยำสูงกว่าการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแบบปกติ เป็นการตรวจที่มีประโยชน์มากในการวินิจฉัยภาวะหัวใจขาดเลือด หรือหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะบางชนิด
ผู้ที่ควรตรวจ EST
1. ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหัวใจขาดเลือด แต่ยังไม่แสดงอาการผิดปกติ
2. ผู้ป่วยที่มีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยง่ายสงสัยโรคหัวใจขาดเลือด
3. ตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาในผู้ป่วยที่เคยได้รับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ
4. ตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาอื่น ๆ เช่น ผู้ป่วยที่ใส่เครื่องกระตุ้นหัวใจแบบพิเศษ ผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาโรคหัวใจเต้นผิดปกติที่อาจเกิดขณะออกกำลังกาย
5. ผู้ที่แพทย์แนะนำให้ตรวจวิธีนี้ เพื่อการวินิจฉัย หรือเพื่อติดตามการรักษา
ประโยชน์ของการทำ EST
1. เพื่อทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย
2. เพื่อวินิจฉัยแยกโรคว่าอาการเจ็บแน่นหน้าอกที่เกิดจากโรคหัวใจ หรือสาเหตุอื่น
3. เพื่อวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจในผู้ป่วยที่มีปัจจัยเสี่ยงแต่ไม่มีอาการ
4. เพื่อบอกความรุนแรงของโรคหลอดเลือดหัวใจ
5. เพื่อติดตามผลการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ
6. ช่วยประเมินภาวะหัวใจเต้นผิดปกติที่อาจเกิดขณะออกกำลังกาย
การเตรียมตัวก่อนมารับการตรวจ
1. งดน้ำ และอาหาร งดชา งดกาแฟ งดบุหรี่ 2 ชั่วโมงก่อนการทดสอบไม่ควรรับประทานอาหารมื้อใหญ่ หรือปริมาณมากก่อนมาทดสอบ
2. ก่อนการทดสอบ แพทย์อาจให้ผู้ป่วยงดยาบางชนิด เช่นยากลุ่ม Beta-blocker เป็นต้น
3. สวมใส่ชุดที่รู้สึกสบาย และสวมรองเท้าสำหรับวิ่ง
ขั้นตอนการตรวจ
1. แพทย์จะทำการตรวจประเมิน และแนะนำเบื้องต้นก่อนการทดสอบ
2. เจ้าหน้าที่จะติดเครื่องวัดความดันโลหิต และชีพจรแบบ อัตโนมัติติดสายตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจบริเวณหน้าอกให้ผู้ป่วย
3. บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจก่อนการทดสอบทั้งท่านอน ท่านั่ง ท่ายืน และบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจขณะออกกำลังกายจนเสร็จสิ้นการทดสอบตามโปรแกรมที่ตั้งไว้ โดยแบ่งเป็น ช่วงออกกำลังกายประมาณ 6 - 12 นาที แล้วแต่สมรรถภาพของผู้ป่วย และช่วงเวลาพักประมาณ 3 - 10 นาที
4. ในขณะทำการทดสอบจะตรวจวัดความดันโลหิต และชีพจร แบบอัตโนมัติ แพทย์จะติดตามดูการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจจากหน้าจอเครื่องทดสอบ และจะสอบถามอาการผู้ป่วยเป็นระยะ ๆ
5. ถ้าผู้ป่วยมีอาการผิดปกติ รู้สึกอึดอัด เจ็บแน่นหน้าอก หรือขากรรไกร ปวดขาเดินต่อไปไม่ไหว ให้รีบแจ้งแพทย์ทันที แพทย์จะปรับเครื่องให้ช้าลงเพื่อเตรียมหยุดเครื่อง หรือทำการหยุดเครื่องฉุกเฉินเพื่อรักษาตามความเหมาะสม
6. หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ แพทย์จะแปลผล และแจ้งผลการทดสอบให้ผู้ป่วย และญาติทราบ
7. ทางโรงพยาบาลจะให้ผลการทดสอบกับผู้ป่วยหลังเสร็จสิ้นการทดสอบ
บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ (บางนา กม 6.5)
#หัวใจคุณให้พริ้นซ์ช่วยดูเเล
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -15.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4601 หรือ 092 131 6465