ปวดคอ บ่า ไหล่ ร้าวลงขนแขน สัญญาณเสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อม
หนุ่มสาวออฟฟิศที่จำเป็นที่จะต้องนั่งทำงานหน้าคอมเป็นเวลานาน ๆ เคยมีอาการเหล่านี้หรือไม่? ปวดบริเวณกระดูกคอ บ่า ไหล่ และในบางครั้งก็ปวดร้าวลงไปที่บริเวณแขนเหมือนโดนไฟช็อต มีอาการชาหรืออ่อนแรง หรืออาจถึงขั้นยกแขนไม่ขึ้น หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาทางสุขภาพเหล่านี้ อย่าเพิกเฉยและคิดว่าเดี๋ยวก็หาย เพราะอาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทหรือไขสันหลังได้ เพื่อเป็นการป้องกันความอันตรายที่อาจเกิดขึ้น วันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับสาเหตุ และแนวทางวิธีการป้องกันและรักษาโรคนี้กัน
สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมมีอะไรบ้าง?
สาเหตุของโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมอาจแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มสาเหตุ ได้แก่ กลุ่มที่เกิดจากอุบัติเหตุ และกลุ่มที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ ในส่วนที่เกิดจากอุบัติเหตุ ก็มีสาเหตุตรงไปตรงมา นั่นคือ เกิดการบาดเจ็บแล้วส่งผลให้หมอนรองกระดูกบริเวณต้นคอเคลื่อนหรือไปกดทับส่วนอื่น ไม่ว่าจะเป็นไขสันหลังหรือเส้นประสาท ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ คือกลุ่มของบุคคลที่มีพฤติกรรมเสี่ยงเรื่องของการใช้คอ และกล้ามเเนื้อแผ่นหลังผิดลักษณะ ยกตัวอย่างเช่น การนั่งเล่นแท็บเล็ต หรือใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ด้วยบริบทที่ทำให้เกิดการก้มคอที่ไม่เหมาะสม
สามารถรักษาโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมได้อย่างไร?
สำหรับกระบวนการทางการแพทย์ในปัจจุบัน มีการประยุกต์ใช้ของเทคโนโลยีสมัยใหม่ในการตรวจวินิจฉัยอาการ ทำให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ และวินิจฉัยได้ง่าย ทำให้ได้ผลที่ชัดเจนมากขึ้น โดยการรักษาสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- กลุ่มที่ 1 กลุ่มอาการไม่รุนแรง รักษาโดยการทานยา ทำกายภาพบำบัด
- กลุ่มที่ 2 กลุ่มอาการไม่รุนแรง แต่ทานยาแล้วไม่หาย เริ่มรักษาโดยการใช้นวัตกรรม เช่นการใช้คลื่นความร้อน หรือฉีดยาเข้าไปเหนือเส้นประสาทบริเวณคอ ยังไม่มีการผ่าตัด
- กลุ่มที่ 3 กลุ่มผู้ป่วยมีอาการบ่งชี้ว่าต้องผ่าตัด ตัวอย่างเช่น มีอาการมานานกว่า 6 สัปดาห์ และความรุนแรงของการปวดมากขึ้น ไม่ตอบสนองต่อการรักษารูปแบบอื่น ข้อต่อส่วนหัวไหล่ ข้อศอก อ่อนแรง เสียความสามารถในการใช้มือ หรือการทรงตัว ไปจนถึงภาวะติดเชื้อหรือเนื้องอก
สามารถดูแลตัวเองจากโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมได้อย่างไร?
เราสามารถดูแลตัวเองให้ห่างจากโรคหมอนรองกระดูกคอเสื่อมได้โดยการลุกยืนประมาณ 1 นาที ทุก 1 ชั่วโมง เพื่อยืดและเหยียดกล้ามเนื้อ หากจำเป็นต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน ๆ ควรหันหน้าให้ตรงกับจอ โต๊ะทำงานจะต้องมีที่พักข้อมือ และหน้าจอจะต้องอยู่ระดับสายตา สำหรับบริบทการนั่ง ควรนั่งให้เต็มก้นบนเก้าอี้ที่มีพนักพิง เพียงเท่านี้ เราก็สามารถดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากภาวะการปวดคอ บ่า ไหล่ โรคออฟฟิศซินโดรม หรือที่รุนแรงกว่านั้นก็คือ หมอนรองกระดูกคอหรือกระดูกคอเคลื่อนไปกดทับเส้นประสาทได้แล้ว