มะเร็งลำไส้ใหญ่ อาการ การวินิจฉัย และการป้องกัน
หลาย ๆ คน ที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง ปวดเป็นประจำ ปวดท้องเดี๋ยวเป็นเดี๋ยวหาย อย่านิ่งนอนใจ หรือปล่อยอาการเหล่านี้ไว้ ควรปรึกษาแพทย์ทางด้านระบบทางเดินอาหารและตับ เพราะหากปล่อยอาการแบบนี้ไว้ “คุณ” อาจจะเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อย เป็นอันดับ 3 ในประชากรชาวไทย โดยจะพบบ่อยในผู้ป่วยอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และสามารถพบได้ในทุกเพศ ทุกวัย
อาการโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
มีทั้งที่ไม่แสดงอาการ หรืออาจมีอาการให้เราสังเกตได้ดัง เช่น
- มีการขับถ่ายผิดปกติ เช่น ถ่ายบ่อย ถ่ายลำบาก ท้องเสียสลับท้องผูก
- ถ่ายเป็นเลือด เป็นมูก หรือมีมูกปนเลือด
- อาการปวดท้องเรื้อรัง (ไม่ทราบสาเหตุ)
- น้ำหนักลด (โดยไม่มีสาเหตุอื่นอธิบาย)
- ภาวะซีด จากกการขาดธาตุเหล็ก
- คลำพบก้อน ในช่องท้อง
ความเสี่ยงที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีสาเหตุหลักๆ มาจากการใช้ชีวิตประจำวันของตัวเราเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน
- ผู้มีประวัติพบติ่งเนื้อ (Polyps) ในลำไส้ (อาจมีแนวโน้มเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่)
- ผู้ได้รับการถ่ายทอดทางพันธุกรรม พ่อ แม่ หรือญาติพี่น้อง และทายาทสายตรง
- ผู้ที่มีประวัติโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี เป็นโรคเบาหวาน (มีโอกาสเป็นมะเร็งได้ง่าย)
- ผู้ที่รับประทานอาหาร ที่มีไขมันสูงเป็นประจำ ขาดการออกกำลังกาย
- ผู้ที่รับประทานอาหาร ประเภทเนื้อสัตว์หรือประเภทเนื้อแดง ที่ผ่านการปรุงด้วยความร้อนนาน ๆ มากเกินไป
- ผู้ที่รับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย และมีการตกค้างที่ลำไส้ ในอาหารประเภท ปิ้ง ย่าง หมักดอง และ สารเคมีจากผักที่ล้างไม่สะอาด
- ผู้ที่มีประวัติ ดื่มสุราหรือสูบบุหรี่
- ผู้ที่เป็นโรคอ้วน น้ำหนักเกิน
การป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่
- รับประทานผักตระกูลกะหล่ำให้มาก เช่น กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก ผักคะน้า หัวผักกาด บรอคโคลี่ ฯลฯ
- รับ ประทานอาหารที่มีกากมากเช่น ผัก ผลไม้ ข้าว ข้าวโพด และเมล็ดธัญพืชอื่นๆ
- ควบคุมน้ำหนักตัว
เทคโนโลยีทางการแพทย์ในการตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่
- การตรวจโดยส่องกล้องลำไส้ใหญ่ ที่เรียกว่า “โคโลโนสโคป (Colonoscope)” เพื่อหาความผิดปกติ เช่น ติ่งเนื้อ แผล
- หากแพทย์ตรวจพบติ่งเนื้อ บริเวณลำไส้ สามารถตัดชิ้นเนื้อ ตรวจหาสาเหตุของโรค เพิ่มเติม โดยเฉพาะโรคมะเร็ง
- ช่วยห้ามเลือดที่บริเวณลำไส้ หรือ ชี้บอกตำแหน่งให้ศัลยแพทย์ทำการผ่าตัดได้ อย่างแม่นยำ
การรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) การส่องกล้องเป็นวิธีการตรวจวินิจฉัยรูปแบบนึง โดยแพทย์จะใช้สอดกล้องผ่านเข้าปากทวารหนัก เพื่อทำการตรวจลำไส้ใหญ่และลำไส้เล็กส่วนปลาย เพื่อประเมินว่ามีรอยโรค เป็นสาเหตุของอาการของผู้ป่วยหรือไม่ ประโยชน์ที่สามารถได้จากการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ คือ การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ และหากแพทย์ตรวจพบติ่งเนื้อ ซึ่งมีความเสี่ยงในการกลายเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ แพทย์ก็จะสามารถทำการตัดติ่งเนื้อออก เพื่อป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
การค้นหาและตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่
เมื่อมีอาการที่แพทย์สงสัยว่า จะมีรอยโรคอยู่ในลำไส้ใหญ่ และจำเป็นต้องได้รับการส่องกล้อง แพทย์จะช่วยวินิจฉัย และให้คำแนะนำกับผู้ป่วย เพื่อคลายความกังวลใจก่อนการส่องกล้อง เพื่อคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยแนะนำผู้ที่มีอายุตั้งแต่อายุ 50-75 ปี เป็นต้นไป หรือมีอาการแสดงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เช่น ภาวะซีดจากการขาดธาตุเหล็กโดยไม่พบสาเหตุ น้ำหนักลดเยอะ ร่วมกับมีการขับถ่ายผิดปกติ เช่น ท้องผูกเรื้อรัง ท้องผูกสลับท้องเสีย เป็นต้น
ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่
- ระยะที่ 1 มีก้อนมะเร็งที่เติบโตอยู่ภายในของผนังลำไส้ใหญ่ โดยยังไม่ลุกลามไปที่เนื้อเยื่อข้างเคียง
- ระยะที่ 2 การลุกลามออกนอกผนังลำไส้ใหญ่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่กระจายถึงต่อมน้ำเหลือง จะรักษาด้วยวิธีการเดียวกับระยะที่ 1 คือการผ่าตัด
- ระยะที่ 3 เซลล์มะเร็งเริ่มลุกลามออกไปที่ต่อมน้ำเหลือง รวมถึงบริเวณใกล้เคียง แต่ยังไม่ลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ต้องรักษาโดยการผ่าตัด และให้เคมีบำบัดหลังผ่าตัด
- ระยะที่ 4 มีการลาม และแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียงของร่างกาย เช่น ปอด ตับ สามารถรักษาได้โดยการผ่าตัดมะเร็งที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนักออก และให้ยาเคมีบำบัดต่อไป
การเตรียมตัวก่อนการส่องกล้องลำไส้ใหญ่
- เริ่มต้นจากการตรวจ และประเมินโดยแพทย์ ว่ามีข้อบ่งชี้และสภาวะของผู้ป่วย มีความเหมาะสม ในการที่จะรับการตรวจได้อย่างปลอดภัย
- การส่องกล้องไม่ได้ทำให้เกิดบาดแผล แต่ก็อาจมีความไม่สุขสบายระหว่างกระบวนการส่องกล้องได้ แต่จะมีการให้ยาระงับความรู้สึก เพื่อป้องกันความไม่สุขสบาย และทำให้ผู้ป่วยไม่เจ็บปวด
- โดยทั่วไปผู้ป่วยที่เข้ารับการส่องกล้องลำไส้ใหญ่ สามารถเข้ารับการตรวจและกลับบ้านได้โดยไม่ต้องพักรักษาตัวในรพ. แต่ผู้ป่วย ควรมีญาติหรือผู้ดูแลมาด้วย (เนื่องจากหากได้รับยาระงับความรู้สึกแบบฉีด ต้องเลี่ยงการขับรถ ทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังการตรวจ)
- ในบางรายที่ตรวจพบความผิดปกติ หรือด้วยสภาวะของผู้ป่วยแต่ละราย แพทย์อาจพิจารณาให้สังเกตอาการต่อในรพ. (โดยพิจารณาเป็นกรณีไป)
- สำหรับโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ถ้าผู้ป่วยมีการตรวจคัดกรองที่ดีตั้งแต่เริ่มต้น หรือรีบมาตรวจคัดกรอง จะช่วยให้ตรวจพบโรคตั้งแต่ก่อนเป็นมะเร็ง หรือมะเร็งระยะแรก
- ดังนั้นเมื่ออยู่ในการรักษาของแพทย์ แพทย์ก็จะช่วยตรวจประเมินและวินิจฉัย เพื่อวางแผนในการรักษาโรคได้อย่างทันท่วงที และตรวจนัดหมายติดตามเป็นระยะ คืนคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้ป่วยกลับมา
บทความโดย : นพ.กุลธนิต เจนพิทักษ์พงศ์
อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
"หากมีคำถาม หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง"
คลิก เพื่อขอคำปรึกษา
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกโรคระบบทางเดินอาหารและตับ
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 - 20.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 1211