ตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 (Covid-19 Antibody Level Test)
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่โควิดระบาดอย่างหนัก ทำให้ทุกคนมีความเสี่ยงติดโควิดสูงมาก ถึงแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตามก็อาจติดได้อีก ทำให้การดำเนินชีวิตยากขึ้นต้องระวังตัวตลอดเวลา แต่ถ้าคุณรู้ว่าในตัวคุณมีภูมิมากน้อยเพียงใด ความมั่นใจในการดำเนินชีวิตก็จะมีมากตามไปด้วย โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ได้เปิดให้บริการตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด Anti-S (RBD) IgG โดยตรวจด้วยการเจาะเลือด เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันเชิงปริมาณ สามารถดูระดับของแอนติบอดี เพื่อประเมินภูมิคุ้มกันของร่างกาย ได้รับมาตรฐานสากล CE-IVD, Thai FDA หลักกการ CMIA เพื่อให้คุณได้รู้ภูมิในตัวคุณ และใช้ชีวิตอย่างสบายใจ
ตรวจหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 คืออะไร ?
เป็นการตรวจเลือดเพื่อหาระดับภูมิต้านทานต่อเชื้อ SARS-CoV2 ในส่วนของ Spike Protein ที่เป็นส่วนสำคัญในการนำเชื้อเข้าสู่เซลล์ และทำให้เกิดการติดเชื้อ เมื่อร่างกายได้รับเชื้อหรือวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย จะสร้างภูมิต้านทานขึ้นเพื่อต่อต้านเชื้อ หากระดับของภูมิต้านทานที่มากพอ จะช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ และลดความรุนแรงของโรคได้
ใครบ้างที่ควรตรวจ และทำไมต้องตรวจหาภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้วตรวจเพื่อติดตามการตอบสนองของระบบภูมิต้านทานหลังจากได้รับวัคซีน ซึ่งส่วนใหญ่จะตรวจเมื่อได้รับวัคซีนครบแล้ว 4 สัปดาห์ขึ้นไป ภูมิคุ้มกันจากการฉีดอยู่ที่ประมาณ 2 สัปดาห์ขึ้นไปหลังฉีด และภูมิที่เพิ่มขึ้นอาจค่อย ๆ ลดลงและต้องทำการฉีดวัคซีนอีกครั้ง เป็นการกระตุ้นร่างกายจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโควิด ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
- ผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 เพื่อตรวจหาระดับภูมิต้านทานก่อนรับวัคซีน ในกรณีสงสัยว่าอาจเคยได้รับเชื้อแบบไม่มีอาการมาก่อน และอาจมีภูมิต้านทานตามธรรมชาติแล้ว
การเตรียมตัวก่อนตรวจ
- ควรตรวจหลังฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดสแล้วอย่างน้อย 14-28 วัน แต่ไม่ควรเกิน 3 เดือน
- กรณีที่เคยผ่านการติดเชื้อ COVID-19 และรักษาหายแล้วประมาณ 1 เดือน
- ตรวจโดยการเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำ 1 หลอดประมาณ 3-5 ml
- ไม่ต้องงดน้ำ งดอาหาร
ตรวจภูมิคุ้มกันโควิดได้ที่ไหน
การตรวจภูมิคุ้มกันโควิดเป็นเพียงทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ต้องการทราบระดับภูมิหลังฉีดวัคซีนของตนเองเท่านั้น กรณีที่ต้องการรับการตรวจสามารถติดต่อขอรับบริการได้ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ
การตรวจเพื่อให้ทราบระดับของภูมิต้านทานที่เกิดขึ้น แต่ไม่ยืนยันว่าจะป้องกันการติดเชื้อได้ 100% ดังนั้นการปฏิบัติตนเพื่อป้องกันการติดเชื้อด้วยวิธี การสวมหน้ากากอนามัย ล้างมือ และรักษาระยะห่างยังคงต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อของโรค COVID-19