การเรียนออนไลน์กับเด็ก
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด- 19 เด็กไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติเป็นระยะเวลานานเป็นปี และเพื่อไม่ให้เด็กขาดโอกาสที่จะเรียนรู้ การเรียนออนไลน์เป็นรูปแบบการเรียนที่โรงเรียนส่วนใหญ่ทั้งในและต่างประเทศนิยมใช้กันทั่วไป
ข้อดีของการเรียนออนไลน์
- เด็กและครอบครัวรู้สึกปลอดภัยจากการติดเชื้อ
- ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ร่วมกัน มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น
- พ่อแม่คอยส่งเสริมและสนับสนุนลูกในด้านการเรียน เด็กอาจทำงานโดยมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น
การเรียนออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ
- เด็กและครอบครัวจะต้องมีอุปกรณ์เทคโนโลยีที่พร้อม ทันสมัยและเหมาะสม
- โรงเรียนมีสื่อการเรียนการสอนที่เหมาะกับรูปแบบออนไลน์
- ครูและนักเรียน รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องมีความรู้และทักษะในการใช้อุปกรณ์และเทคโนโลยีนั้น
ข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐอเมริกา พบว่า ในสถานการณ์การแพร่ระบาดนี้วัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่อายุระหว่าง 18-24 ปี ร้อยละ 63 มีความวิตกกังวล ซึมเศร้า หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน จากการศึกษาทั้งในต่างประเทศและประเทศไทย พบว่าการเรียนออนไลน์ส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิต พฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก ดังนี้
ผลกระทบต่อสุขภาพร่างกาย
- ปวดตา มีปัญหาด้านสายตา ปวดเมื่อย ปวดหลัง เนื่องจากต้องนั่งอยู่หน้าจอนานๆ
- น้ำหนักเพิ่มขึ้นเนื่องจากขาดการออกกำลังกายหรือกิจกรรมการเคลื่อนไหวตามปกติเมื่อเด็กไปโรงเรียน
- รับประทานอาหารไม่ตรงเวลา พักผ่อนและนอนน้อยลง จากการบ้านที่เพิ่มขึ้น ขาดการฝึกวินัยในการเข้านอน ตื่นและรับประทานอาหารเพื่อไปโรงเรียน
ผลกระทบต่อด้านสุขภาพจิต พฤติกรรมและการเรียนรู้ของเด็ก
- เด็กรู้สึกเบื่อ ไม่มีสมาธิ และขาดแรงจูงใจในการเรียน เนื่องจากการเรียนออนไลน์จะประยุกต์การจัดกิจกรรมและฝึกปฏิบัติการเช่นที่โรงเรียนได้ค่อนข้างยาก หรือสภาพแวดล้อมที่บ้านไม่เหมาะสมกับการเรียนออนไลน์
- เด็กแอบเล่นเกมในระหว่างเรียนออนไลน์ ไม่ได้ติดตามการเรียนในขณะนั้น
- เด็กต้องเรียนอยู่หน้าจอตลอด มีการบ้านมากและต้องส่งครูด้วยวิธีการที่ต่างไปจากเดิมทำให้เด็กรู้สึกเหนื่อยล้า หากเรียนที่โรงเรียนเด็กสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนๆหรือครูในการส่งการบ้านได้ในบางเรื่อง
- การเรียนที่มีปฏิสัมพันธ์กัน สมองของเด็กจะมีการประมวลผลข้อมูลอื่นๆร่วมด้วย เช่น สีหน้าท่าทาง การสบตา ภาษากาย จังหวะและระดับของเสียงที่พูด เป็นต้น
- เด็กขาดปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนซึ่งเป็นโอกาสที่เด็กจะได้ฝึกทักษะทางสังคม เด็กบางรายจะรู้สึกวิตกกังวลและซึมเศร้า
- เด็กได้รับผลกระทบจากความเครียดของผู้ปกครองที่เครียดจากสถานการณ์ ปัญหาเศรษฐกิจและต้องคอยกำกับดูแลลูกในการเรียนออนไลน์โดยเฉพาะผู้ปกครองเด็กเล็ก
- เด็กที่ต้องสอบเข้าในช่วงชั้นต่อไป เช่น ม. 1, ม.4 หรือสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะมีความเครียด วิตกกังวลเกี่ยวกับการสอบ รวมทั้งการวัดและประเมินผลที่จะต้องนำผลสอบไปใช้
แนวทางสำหรับพ่อแม่ในการดูแลเด็กที่เรียนออนไลน์
- จัดตารางกิจกรรมในแต่ละวันร่วมกับลูก ได้แก่ การรับประทานอาหาร การเรียน ทำงานบ้าน พักผ่อนและออกกำลังกาย
- จัดสิ่งแวดล้อม มุมสงบในบ้านเป็นสถานที่เฉพาะสำหรับการเรียนเพื่อช่วยให้เด็กมีสมาธิในการเรียน
- ให้เด็กได้เว้นช่วงการเรียน พักจากหน้าจอเป็นระยะๆ ไปทำกิจกรรมอื่นๆบ้าง
- ชวนลูกออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมเคลื่อนไหวต่างๆ
- พูดคุยกับลูก ทำกิจกรรมที่สนุกร่วมกัน
- กำกับและควบคุมในเรื่องวินัยของลูก เช่น การตื่น การรับประทานอาหาร เวลาเรียนและเข้านอนอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่ลูก
- ให้เด็กได้มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนในห้องรียนในรูปแบบออนไลน์