โรคระบบทางเดินอาหาร
โรคในระบบทางเดินอาหาร เป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในคนทั่วไป แม้ว่าอาการอาจจะไม่รุนแรง แต่กลับเป็นปัญหากวนใจของใครหลาย ๆ คนในการดำเนินชีวิตประจำวัน ซึ่งหากพูดถึงระบบทางเดินอาหารแล้ว เราจะนับไปตั้งแต่เราทานอาหารเข้าไป คือ ปาก หลอดอาหาร กระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ทวารหนัก หรืออวัยวะที่ช่วยผลิตน้ำย่อยอย่างเช่น ตับ ถุงน้ำดี เหล่านี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของระบบทางเดินอาหาร ดังนั้นหากอวัยวะใดอวัยวะหนึ่งเกิดความผิดปกติ ระบบทางเดินอาหารก็จะเริ่มแสดงออกถึงอาการต่าง ๆ เรามาทำความรู้จักกับโรคในระบบทางเดินอาหารให้มากขึ้นกันนะคะ
สาเหตุของ “โรคระบบทางเดินอาหาร” คืออะไร ?
โรคระบบทางเดินอาหาร เกิดขึ้นได้จากหลากหลายสาเหตุ แต่ที่พบได้บ่อยสุดนั้นเกิดจากการติดเชื้อ โดยอาจจะเป็นเชื้อแบคทีเรียที่อาจจะมาจากอาหารเป็นพิษ โรคกระเพาะอาหารอักเสบ ไสติ่งอักเสบ เป็นต้น หากมาจากไวรัสอาจจะมาจากไวรัสตับอักเสบ และสุดท้ายคือโรคจากพยาธิต่าง ๆ นอกจากนี้ยังสามารถเป็นโรคระบบทางเดินอาหารได้จากการเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งตับ มะเร็งหลอดอาหาร เป็นต้น การดื่มสุรา หรือจากพันธุกรรมก็มีส่วนให้เกิดโรคในระบบทางเดินอาหารได้ด้วยเช่นเดียวกัน
จะรู้ยังไงว่า… เรากำลังเป็นโรคระบบทางเดินอาหาร ?
การสังเกตอาการของโรคระบบทางเดินอาหารไม่ได้ยากอย่างที่คิด เพราะอาการที่พบได้บ่อยนั้นเป็นอาการที่สามารถสังเกตได้ง่าย เช่น ปวดท้อง เรอบ่อย แน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องผูก อุจจาระปนเลือด เหล่านี้เป็นอาการที่บ่งชี้ว่าระบบทางเดินอาหารของเรากำลังมีปัญหา นอกจากนี้อาจจะมี อาการอื่น ๆ ร่วมด้วยเช่น ตัวเหลือง ซีด น้ำหนักลด เบื่ออาหารร่วมได้ เพราะฉะนั้นหากเรามีอาการเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุของอาการ อย่าปล่อยไว้ แม้ว่าอาการจะหายเองได้ในบางครั้ง แต่โรคระบบทางเดินอาหารสามารถเกิดเป็นอาการที่เรื้อรังได้ หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ลดความเสี่ยง
ใครบ้างที่ควรตรวจเช็คระบบทางเดินอาหาร ?
- บุคคลที่มีอายุ 50 ปี ขึ้นไป
- ผู้ที่มีอาการปวดท้องเรื้อรัง
- มีความรู้สึกเบื่ออาหาร น้ำหนักลด
- ถ่ายเป็นสีดำหรือมีเลือดปน
- ถ่ายไม่สุด
- อาเจียนเป็นเลือด
- เป็นซีด
- มีอาการท้องผูกเรื้อรัง
- คลำพบก้อนในท้อง
- ท้องผูกสลับท้องเสีย
- ท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นท้องบ่อย ๆ
- มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งระบบทางเดินอาหาร
วิธีการรักษาโรคระบบทางเดินอาหาร แนวทางรักษาเป็นอย่างไร และต้องป้องกันได้อย่างไร ?
แนวทางการรักษาโรคทางเดินอาหาร คือ การรักษาสาเหตุและการรักษาประคับประคองตามอาการ
- การรักษาตามสาเหตุ เช่น การใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย การให้ยาฆ่าเชื้อราเมื่อโรคเกิดจากติดเชื้อรา การรักษาโรคไส้ติ่งอักเสบด้วยการผ่าตัดและยาปฏิชีวนะ หรือการรักษาโรคมะเร็งด้วยการผ่าตัด อาจร่วมกับรังสีรักษา ยาเคมีบำบัด หรือยารักษาตรงเป้า
- การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ยาลดไข้ ยาแก้ปวด การให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำเมื่อกินไม่ได้หรือในภาวะขาดน้ำจากอาเจียนหรือท้องเสียมาก หรือการให้เลือดเมื่อมีอาเจียนเป็นเลือด หรืออุจจาระเป็นเลือด จนเกิดภาวะซีด
- การตรวจคัดกรองด้วยวิธีการส่องกล้อง ปลอดภัย ไม่เจ็บ ไม่ต้องนอนพัก ไม่มีแผลผ่าตัด
- การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น (Gastroscopy) สามารถตรวจหาความผิดปกติของ หลอดอาหาร กระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น งดน้ำ งดอาหาร 4 ชั่วโมง สามารถทำได้
- การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy) สามารถตรวจหาความผิดปกติของลำไส้ใหญ่ และทวารหนัก โดยเฉพาะการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นวิธีที่ได้รับการยอมรับจากสมาคมทางเดินอาหารแห่งประเทศไทย สมาคมทางเดินอาหารประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลกว่าเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ ต้องเตรียมลำไส้ก่อนการส่องกล้อง สามารถมาตอนเช้า ทำตอนบ่าย
โรคระบบทางเดินอาหารที่พบได้บ่อยมักจะเกิดจากติดเชื้อ ดังนั้นการปรับพฤติกรรมการทานอาหาร และการใช้ชีวิตประจำวันให้ดี จะช่วยป้องกันการเกิดโรคระบบทางเดินอาหารได้มาก เช่น การทานอาหาร ที่ปรุงสุก การทานอาหารที่มีกากใยสูง หรือทานผักผลไม้เป็นประจำ การทานอาหารที่สะอาดถูกหลักอนามัย งดการดื่มสุรา และสูบบุหรี่ เป็นต้น