Header

วัณโรค รู้เร็ว รักษาหาย ไม่แพร่กระจาย

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

วัณโรค ในประเทศไทยยังคงมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากยังขาดความตระหนักรับรู้ และยังมองว่าไม่ร้ายแรงขณะที่องค์การอนามัยโลกได้จัดให้ประเทศไทยติดอันดับ 14 ของโลกที่มีปัญหาวัณโรคสูง สำหรับสถานการณ์วัณโรคในประเทศไทย มีอัตราผู้ป่วย 156 ต่อแสนประชากร คาดว่าผู้ป่วยรายใหม่ และกลับเป็นซ้ำกว่า 108,000 รายต่อปี  วัณโรคเกิดได้ในทุกอวัยวะของร่างกาย ส่วนใหญ่มักเกิดที่ปอดพบร้อยละ 80 ส่วนวัณโรคนอกปอดเป็นผลมาจากการแพร่กระจายของการติดเชื้อไปยังอวัยวะอื่น ๆ ได้แก่ เยื้อหุ้มปอด ต่อมน้ำเหลือง กระดูกสันหลัง ข้อต่อ ช่องท้อง ระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท เป็นต้น

วัณโรคคืออะไร ?

วัณโรค เกิดจากการติดเชื้อไมโครแบคทีเรียมทูเบอร์คูโลซิส (Mycobacterium Tuberculosis) ที่สามารถแพร่กระจายได้ทางอากาศโดยผ่านทางการไอ จาม การพูด และการหายใจ โดยความเสี่ยงของวัณโรคจะเพิ่มขึ้นหากเป็นผู้ที่เคยพักอาศัย หรือเดินทางมาจากพื้นที่ที่มีผู้ป่วยวัณโรคจำนวนมาก เคยมีการติดต่อ และสัมผัสอย่างใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอจากโรคร้ายแรง หรืออยู่ในระหว่างการรักษาด้วยยาที่มีฤทธิ์กดภูมิคุ้มกัน และผู้ที่มีสุขภาพไม่ดี จากปัญหาทางด้านโภชนาการ ติดยาเสพติด หรือพิษสุราเรื้อรัง ไม่เพียงเท่านั้น เด็ก และผู้สูงอายุยังเป็นวัยที่เสี่ยงต่อติดเชื้อวัณโรค เนื่องจากทั้ง 2 วัยนี้จะมีสุขภาพที่อ่อนแอกว่าคนในวัยผู้ใหญ่

ในขณะที่ผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรงจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรคได้น้อยกว่า เพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อได้เองตามธรรมชาติ หรือหากเคยได้รับเชื้อมาก่อนแล้วผู้ป่วยมีสุขภาพแข็งแรง เชื้อก็จะไม่แสดงอาการใด ๆ เช่นกัน

 

ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดวัณโรคปอดมีอะไรบ้าง ?

  • มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากมีโรคบางอย่าง หรือเข้ารับการรักษาบางประเภท เช่น เป็นเอดส์ หรือ กำลังทำเคมีบําบัดเพื่อรักษาโรคมะเร็ง
  • เดินทาง หรืออาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดวัณโรคสูง
  • กำลังใช้สารบางอย่าง เช่น สูบบุหรี่ ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
  • ไม่มีบริการทางการแพทย์ และสาธารณสุขให้ผู้ป่วยได้เข้าใช้บริการ
  • อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อวัณโรค เช่น กำลังอาศัยอยู่หรือเคยทำงานในสถานพยาบาล หรือกำลังอาศัย หรืออพยพมาอยู่ในประเทศที่มีการติดเชื้อวัณโรคสูง

 

อาการของวัณโรค ?

  • ไข้เรื้อรัง ผอมลง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย
  • ไอมีเสมหะ หอบ เหนื่อย เจ็บอก
  • ไอเป็นเลือด
  • ต่อมน้ำเหลืองโต คลำพบก้อนบริเวณรักแร้ และคอ
  • ตับ ม้ามโต คลำพบก้อนในท้อง
  • ปวดศีรษะ หมดสติ ชักเกร็ง
  • อยู่กับผู้ที่ติดเชื้อวัณโรค

ขั้นตอนของการรักษา ?

  • ให้ยารักษาวัณโรคใช้เวลาในการรักษา 6 – 8 เดือน กินยาจนครบไม่หยุดยาเอง หากมีอาการแพ้ยาควรรีบปรึกษาแพทย์
  • ให้การรักษาไปตามอาการเช่น ยาแก้ไอ ยาลดไข้ ยาบำรุงโลหิต (ถ้าซีด) วิตามินรวม (ถ้าเบื่ออาหาร) เป็นต้น
  • แพทย์จะนัดติดตามอาการและตรวจเสมหะเป็นระยะ

 

ถึงแม้วัณโรคจะเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ก็สามารถกลับเป็นซ้ำได้เช่นกัน ดังนั้น เป้าหมายที่สำคัญในการรักษาคือ รักษาให้หายขาดเพื่อตัดวงจรการแพร่กระจายเชื้อ และป้องกันการดื้อยาของเชื้อวัณโรค การรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ มีบ้างแต่น้อย เช่น รักษาด้วยวิธีผ่าตัด ซึ่งจะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีรอยโรคเฉพาะตำแหน่ง หรือรับประทานยาแล้วมีผลข้างเคียงสูง การป้องกันวันโรคทำได้ด้วยการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง และระมัดระวังในการอยู่ใกล้กับผู้ป่วยวัณโรคเป็นเวลานาน ๆ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อสุขภาพ และความปลอดภัยของทุก ๆ คนนะคะ

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

ล้างจมูก วิธีทำความสะอาดจมูกง่าย ๆ ด้วยตนเอง

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะสวมแมสก์กันทั้งวันเมื่อต้องออกนอกบ้าน แต่แมสก์ก็ไม่ได้ป้องกันมลพิษได้ 100% หลาย ๆ คนจึงยังเลือกใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
ล้างจมูก วิธีทำความสะอาดจมูกง่าย ๆ ด้วยตนเอง

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะสวมแมสก์กันทั้งวันเมื่อต้องออกนอกบ้าน แต่แมสก์ก็ไม่ได้ป้องกันมลพิษได้ 100% หลาย ๆ คนจึงยังเลือกใช้วิธีล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ

blank บทความโดย : โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
อันตรายจากเสียงดัง ส่งผลร้ายถึงขั้นพิการ ไม่มีทางรักษาให้หายได้

ความดังของเสียงที่ดังและนานเกินไป จะเข้าไปทำให้อวัยวะรับเสียง โดยเฉพาะเซลล์ขนและประสาทรับเสียงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไปในสภาวะระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘หูตึง’ นั่นเอง

blank คลินิกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
อันตรายจากเสียงดัง ส่งผลร้ายถึงขั้นพิการ ไม่มีทางรักษาให้หายได้

ความดังของเสียงที่ดังและนานเกินไป จะเข้าไปทำให้อวัยวะรับเสียง โดยเฉพาะเซลล์ขนและประสาทรับเสียงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไปในสภาวะระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘หูตึง’ นั่นเอง

blank คลินิกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หลายคนอาจไม่คุ้นหูหรือไม่เคยได้ยิน ซึ่งโรคนี้มีความรุนแรง และการดำเนินของโรคที่รวดเร็ว อาจนำไปสู่ภาวะทุพพลภาพและเสียชีวิตได้

นพ.วุทธิกรณ์ พันธุ์ประสิทธิ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง

โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หลายคนอาจไม่คุ้นหูหรือไม่เคยได้ยิน ซึ่งโรคนี้มีความรุนแรง และการดำเนินของโรคที่รวดเร็ว อาจนำไปสู่ภาวะทุพพลภาพและเสียชีวิตได้

นพ.วุทธิกรณ์ พันธุ์ประสิทธิ์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม