ความดันโลหิตสูง HYPERTENSION
ความดันโลหิตสูง จัดเป็นภาวะหนึ่งซึ่งทำให้เกิดผลกระทบในทางเสื่อม ต่ออวัยวะสำคัญต่าง ๆ มากมาย เช่น สมอง หัวใจ ไต และส่งผลทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ในที่สุด
ความดันโลหิตคืออะไร
ความดันโลหิต เป็นแรงดันเลือดที่เกิดจากหัวใจบีบตัว ส่งเลือดเข้าหลอดเลือดต่าง ๆ ขณะหัวใจบีบตัวความดันโลหิตสูงขึ้น เรียกความดันขณะนี้ว่า ความดันขณะหัวใจบีบตัว หรือ แรงดันโลหิตซีสโตลิค หรือ ความดันตัวบน ขณะหัวใจคลายตัวเลือดจากหลอดเลือดแดงจะไหลออกไปสู่อวัยวะต่าง ๆ ความดันโลหิตลดต่ำลงเนื่องจากหัวใจคลายตัว ความดันขณะนี้ว่า ความดันขณะหัวใจคลายตัว หรือ แรงดันโบหิตไดแอสโตลิค หรือ ความดันตัวล่าง
การบันทึกความดันโลหิต
บันทึกเป็นตัวเลข 2 ชุด เช่น 110 / 70 มิลลิเมตรปรอท สำหรับเครื่องที่เป็นดิจิตอลจะมีการบันทึกชีพจรหรืออัตราการเต้นของหัวใจด้วย
ความดันโลหิตปกติ
ความดันโลหิตปกติ ไม่ควรเกิน 130 / 85 มิลลิเมตรปรอทในขณะพักผ่อนความดันโลหิตแปรผันไม่คงที่ขึ้นกับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ภาวะตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ หรือออกกำลังกายความดันโลหิตจะสูงขึ้น เมื่อพักผ่อนหรือนอนหลับความดันโลหิตจะต่ำลง
เมื่อใดเรียกว่า “ความดันโลหิตสูง”
ความดันโลหิตที่สูงเกินกว่า 140 / 85 มิลลิเมตรปรอท ถือว่าเริ่มผิดปกติ ควรมีการดูแลรักษาด้วยวิธีการปฏิบัติตัว (ดูรายละเอียดตอนท้าย) ถ้าสามารถลดค่าของความดันโลหิตได้ก็ไม่ต้องรับประทานยา แต่ถ้าควบคุมไม่ได้ แพทย์จะแนะนำให้รับประทานยาควบคู่ไปด้วย
สาเหตุ
มากกว่าร้อยละ 90 ไม่ทราบสาเหตุแต่พบปัจจัยเสริมดังนี้
- กรรมพันธุ์ เป็นปัจจัยที่แก้ไขไม่ได้
- สิ่งแวล้อม เป็นปัจจัยที่แก้ไขได้ เช่น อ้วนมาก เบาหวาน ทานอาหารรสเค็ม ดื่มสุรา สูบบุหรี่ เครียด ไม่ออกกำลังกายและส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากโรคไต โรคที่มีความผิดปกติของระบบฮอร์โมน โรคความผิดปกติของหลอดเลือดระบบไหลเวียน ยาบางชนิด
อาการ
- ความดันโลหิตสูงระดับอ่อนหรือปานกลาง มักจะไม่มีอาการอะไร แต่มีการทำลายอวัยวะต่างๆ ไปทีละน้อยอย่างช้า ๆ จนผู้ป่วยเกิดผลแทรกซ้อนในที่สุด เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจขาดเลือด ไตเสื่อมสมรรถภาพ หรือ อัมพาต อัมพฤกษ์ ภาวะความดันโลหิตสูงจึงได้รับการขนานนามว่า “ฆาตกรเงียบ”
- ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรง ผู้ป่วยอาจเกิดอาการเหล่านี้ขึ้นได้ เช่น เลือดกำเดาออก ตามองไม่เห็นข้างใดข้างหนึ่งชั่วคราว เหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอก เวียนศีรษะตุบ ๆ เป็นต้น แต่อาการเหล่านี้ไม่เฉพาะ เพราะอาจเกิดจากสาเหตุอื่นก็ได้ เช่น เครียด ไมเกรน
ดังนั้นเมื่อเกิดอาการผิดปกติ จึงควรปรึกษาแพทย์ เพราะถ้าพบความดันโลหิตสูงจะรักษาได้ถูกต้องและทันท่วงที ซึ่งเมื่อความดันโลหิตลดลงมาเป็นปกติ อาการดังกล่าวก็จะหายไป
ผลของโรคความดันโลหิตสูง
ถ้าไม่ได้รับการรักษาจะก่อให้เกิดผลเสียต่ออวัยวะสำคัญดังนี้
- สมอง : เลือดไปเลียงสมองไม่พอ บางส่วนของเนื้อสมองตายเกิดอัมพาต บางรายเสื้นเลือดในสมองโป่งพองและแตกทำให้เลือดออกในสมองและเสียชีวิตได้
- ตา : เกิดการเปลี่ยนแปลงที่เรตินา ซึ่งเป็นส่วนของประสาทและหลอดเลือดที่ทำให้สามารถมองเห็นได้ โดยอาจเกิดมีน้ำคั่งหรือมีเลือดออก ทำให้ประสาทตาเสื่อมสมรรถภาพถึงกับตามองไม่เห็นได้
- หัวใจ : กล้ามเนื้อหัวใจ หนาขึ้น หลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบลงเกิดภาวะหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจตาย หัวใจล้มเหลว ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง
- ไต : เนื้อของจากหลอดเลือดแข็งและตีบลง เนื้อที่การกรองของไตน้อยลงเกิดการคั่งของของเสียในร่างกายมากขึ้น ไตทำงานไม่เป็นปกติ เกิดภาวะไตวายได้
การรักษาโรคความดันโลหิตสูง
หากพบว่าค่าความดันโลหิตผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อรับการรักษา และต้องปฏิบัติตนให้ถูกต้องอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันการเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ ดังนี้
- รับประทานอาหารและยาตามแพทย์สั่งและมาพบแพทย์ถ้ามีอาการผิดปกติ แพทย์จะเป็นผู้ปรับขนาดและปรับชนิดของยา
- หลีกเลี่ยงจากความเครียด
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ วันละ 20-30 นาที
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง หรือน้ำตาลมาก
- จำกัดปริมาณเกลือ
- งดสูบบุหรี่
- ตรวจวัดระดับโคเลสเตอรอลสม่ำเสมอ
- ควบคุมน้ำหนัก
- ตรวจวัดความดันโลหิตให้สม่ำเสมอ
- ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
แผนกอายุรกรรม
สถานที่
อาคาร A ชั้น G
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 - 21.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4011