โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD or Coronary Heart Disease)
โรคหัวใจและหลอดเลือดนับว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตจากโรคมากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง โดยสถิติกระทรวงสาธาณสุขเมื่อปี 2561 พบว่า มีคนไทยป่วยด้วยโรคหลอดเลือดและหัวใจมากกว่า 4 แสนคน และทุก ๆ ชั่วโมง จะมีผู้เสียชีวิต 2 คน นอกจากนี้เราพบว่ากว่า 1 ใน 5 ของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจอาจไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ ด้วยอัตราการเสียชีวิตจากภัยเงียบที่น่ากลัวนี้ การตรวจสุขภาพหัวใจเป็นประจำทุกปีจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ
อาการของโรคหลอดเลือดหัวใจ
- เหนื่อยง่ายเมื่อออกแรง
- เจ็บแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง เหมือนมีอะไรมากดทับ
- ปวดร้าวไปที่กราม คอหอย แขนด้านซ้าย สะบักหลัง
- ใจสั่น ซีด เหงื่อออกมาก หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม และอาจหมดสติ
- จุกคอหอย จุกใต้ลิ้นปี่คล้ายโรคกระเพาะหรือกรดไหลย้อน
โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากอะไร
โรคหลอดเลือดหัวใจเกิดจากหลอดเลือดแดงที่เลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ (Coronary Artery) นั้นตีบหรือตัน โดยแบ่งตามลักษณะอาการแสดงได้ 2 ลักษณะ คือ
แบบเรื้อรั้ง
เกิดจากไขมันมาเกาะสะสมอยู่ที่ผนังหลอดเลือด ทำให้เยื่อบุผนังในตำแหน่งนี้หนาขึ้น แต่ในทางกลับกันหลอดเลือดก็จะตีบหรือแคบลงไปด้วย เมื่อเป็นเช่นนั้นเลือดก็จะนำออกซิเจนไหลผ่านได้น้อยลง ส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการเจ็บหน้าอกในช่วงที่ผู้ป่วยออกแรงเยอะ ๆ แต่เมื่อหยุดพักอาการก็จะดีขึ้น
แบบเฉียบพลัน
เกิดจากคราบไขมันที่เกาะอยู่ที่ผนังของหลอดเลือดชั้นในนี้ได้ปริแตกออก และกลายเป็นลิ่มเลือด จนอุดตันในหลอดเลือดที่จะนำเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดหรือกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน อันนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจวาย หัวใจห้องล่างซ้ายเต้นผิดจังหวะชนิดร้ายแรง ซึ่งอาจเสียชีวิตกะทันหัน
ผู้ที่จัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
- ผู้ที่มีคนในครอบครัวมีประวัติการเป็นโรคหัวใจ
- เพศ โดยเฉพาะเพศชาย ซึ่งมีโอกาสเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิง
- อายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี
- ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
- ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
- ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
- ผู้ที่ออกกำลังกายน้อย น้ำหนักเกินมาตรฐาน
การตรวจวินิจฉัยโรคหลอดเลือดหัวใจ
- การตรวจร่างกายเบื้องต้นด้วยการซักประวัติ ตรวจเลือดเพื่อดูระดับน้ำตาล ระดับไขมัน ตรวจการทำงานของไต การเอกซเรย์ปอดและหัวใจ
- การตรวจทางห้องปฏิบัติการและการตรวจพิเศษ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (Electrocardiography หรือ EKG)
- การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยการให้เดินสายพานบนลู่วิ่ง (Exercise Stress Test หรือ EST)
- การตรวจสุขภาพหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (Echocardiography หรือ Echo)
- การตรวจวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (CT Scan)
- การสวนหัวใจหรือการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ
สมัยก่อน เราอาจจะคิดว่าโรคหัวใจเป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้สูงวัยแล้วเท่านั้น แต่โลกได้เปลี่ยนไปแล้ว เพราะในปัจจุบันนี้ ด้วยวิทยาการทางการแพทย์ เราพบว่าโรคหัวใจมีโอกาสเกิดได้แม้แต่กับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดหรือคนในวัยเพียงอายุ 20 ปีเท่านั้น
ทำไมเราจึงควรตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง?
ข้อดีของการตรวจหลอดเลือดหัวใจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT Scan 128 Slices
- แม่นยำ ภาพคมชัดความละเอียดสูง ครอบคลุมบริเวณที่ต้องการตรวจ
- ใช้เวลาตรวจไม่นาน เพราะเครื่องสแกนหมุนต่อรอบเพียง 0.4 วินาที
- ผู้ป่วยได้รับรังสีเอ็กซเรย์น้อยลงกว่า 82%
- ความปลอดภัยสูง ที่แม้แต่ผู้ป่วยเด็กก็สามารถทำได้
- สามารถ Scan ได้เร็วถึง 128 ภาพ ต่อการหมุน 1 รอบ
- แสดงผลตรวจออกมาเป็นภาพ 3 มิติ สามารถดูภาพในระนาบต่าง ๆ ของหัวใจได้
- แสดงผลชัดเจนทำให้แพทย์สามารถวินิจฉัยได้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น
รักษาโรคหลอดเลือดหัวใจอย่างไร
การรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจนั้นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค ดังนี้
- การทำบอลลูนเพื่อรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจ (ฺBalloon Angioplasty) เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมเพราะว่าปลอดภัยและไม่ต้องผ่าตัด โดยเป็นการดันคราบไขมันที่อุดตันหลอดเลือดให้กลับไปติดผนังหลอดเลือด โดยการสอดฝังขดลวดค้ำยันผนังหลอดเลือดผ่านสายสวน ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวกขึ้น
- การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือที่เรียกกันว่า “การทำบายพาสหัวใจ” เป็นการเย็บต่อเส้นเลือดเพื่อนำเลือดแดงจากเส้นเลือดแดงใหญ่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือด โดยข้ามผ่านเส้นเลือดส่วนที่ตีบ สำหรับการรักษาโรคหลอดเลือดหัวใจด้วยวิธีนี้ ส่วนใหญ่แพทย์จะตัดสินใจทำในผู้ที่มีหลอดเลือดหัวใจอุดตันไปแล้วกว่า 70%
- การผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจ ทำในกรณีที่โรคมีระดับรุนแรงมากแล้วและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้
- การรักษาด้วยยา เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด ยาต้านการแข็งตัวของลิ่มเลือด ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ ยาลดไขมัน ยาควบคุมความดันโลหิต เป็นต้น
โรคหลอดเลือดหัวใจถือเป็นภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากรักษาไม่ทันก็อาจทำให้อาการหนักขึ้นหรือเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากสงสัยว่าตนเองมีอาการของโรคหลอดเลือดหัวใจควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาได้อย่างทันท่วงที
หากคุณต้องการนัดหมายแพทย์ เพื่อทำการปรึกษา
สามารถติดต่อสอบถามเราได้ Call Center 02-080-5999 หรือ LINE : @psuv หรือ คลิกที่นี่เพื่อ Add Line ของเรา
ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง
ศูนย์หัวใจและหลอดเลือด
สถานที่
อาคาร A ชั้น 2
เวลาทำการ
จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -15.00
เบอร์ติดต่อ
02 080 5999 ต่อ 4601 หรือ 092 131 6465