ออฟฟิศซินโดรม ศัตรูตัวร้ายขัดขวางความสุขในการทำงาน
ออฟฟิศซินโดรมคืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร?
ออฟฟิศซินโดรม หรือกลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Myofascial Pain Syndrome) รวมถึงอาการปวดจากการอักเสบของเนื้อเยื่อและเอ็น (Tendinitis) อาการปวด ชา จากปลายประสาทที่ถูกกดทับ ซึ่งอาการเหล่านี้มักพบได้บ่อยในผู้ที่นั่งทำงานในออฟฟิศ โดยมีสาเหตุและปัจจัยที่ทำให้มีโอกาสเกิดกลุ่มอาการดังกล่าว ได้แก่
สาเหตุและปัจจัยที่ทำให้เกิดออฟฟิศซินโดรม
- ท่าทางการทำงาน (Poster) เช่น ลักษณะท่านั่งทำงาน การวางมือ ศอก บนโต๊ะทำงานที่ไม่ถูกต้อง
- การบาดเจ็บจากงานซ้ำ ๆ (Cumulative Trauma Disorders) หรือระยะเวลาในการทำงานที่มากเกินไป ทำให้ร่างกายเกิดการล้า เช่น การใช้ข้อมือซ้ำ ๆ ในการใช้เมาส์ อาจทำให้เกิดการอักเสบของเอ็นบริเวณข้อมือ หรือพังผืดเส้นประสาทบริเวณข้อมือได้
- สิ่งแวดล้อมในการทำงานที่ไม่เหมาะสม เช่น ลักษณะโต๊ะทำงาน หน้าจอคอมพิวเตอร์ แสงสว่างในห้องทำงาน
อาการของออฟฟิศซินโดรม
- กลุ่มอาการปวดกล้ามเนื้อและเยื่อพังผืด (Mtofascial Pain Syndrome) โดยเฉพาะบริเวณคอ บ่า สะบัก ซึ่งบางครั้งอาจส่งผลทำให้เกิดอาการของระบบประสาทอัตโนมัติร่วมด้วย เช่น วูบ เหงื่อออก ตาพร่า หูอื้อ มึนงง ชา เป็นต้น
- การอักเสบของเส้นเอ็นบริเวณข้อศอก ข้อมือ นิ้วมือ เช่น การอักเสบของเอ็นโค่นนิ้วโป้ง (De Quervain’s Disease) นิ้วล็อค (Trigger Finger)
- การกดทับปลายประสาท ทำให้เกิดอาการชา รวมถึงอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ ถ้าหากรุนแรง (Nerve Entrapment) เช่น พังผืดทับเส้นประสาทข้อมือ (Carpel Tunnel Syndrome) พังผืดทับเส้นประสาทบริเวณข้อศอก (Cubital Tunnel Syndrome)
การป้องกันการเกิดออฟฟิศซินโดรม
- ปรับท่าทางในการทำงานให้เหมาะสม เช่น วางข้อมือให้ตรง นั่งหลังตรงชิดกับพนักพิง
- ปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม เช่น ปรับหน้าจอให้อยู่ในระดับสายตา ปรับระดับความสูงของโต๊ะและเก้าอี้ให้สามารถนั่งทำงานในท่าที่สบายได้
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้งานกล้ามเนื้อให้เหมาะสม เช่น พักยืดกล้ามเนื้อทุก 1 ชั่วโมง เปลี่ยนท่าทางทุก 20 นาที พักสายตาจากหน้าจอทุก 30 นาที
- การออกกำลังกายด้วยท่าที่เหมาะสมกับอาการ เช่น การยืดกล้ามเนื้อให้เกิดความยืดหยุ่น การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ
การรักษาออฟฟิศซินโดรม
- การยืดกล้ามเนื้อที่ถูกวิธีด้วยตัวเอง
- การรักษาด้วยวิธีทางกายภาพบำบัด เช่น Ultrasound, HIGH power LASER, Heat
- การนวดแผนไทย
- การฝังเข็ม
- การรับประทานยา
Ultrasound Diathermy
- การรักษาด้วยความร้อนลึกด้วยคลื่นเสียง
- ลดอาการปวด คลายกล้ามเนื้อ เพิ่มการไหลเวียน
High power LASER
- การรักษาด้วยความร้อนลึกด้วยคลื่นแสง
- ลดอาการปวด คลายกล้ามเนื้อ
- กระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ
Checklist ประเมินโอกาสเสี่ยงที่จะป่วยออฟฟิศซินโดรม
- คุณเป็นคนที่นั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน
- ระหว่างทำงาน คุณมักจะรู้สึกปวดเมื่อยบริเวณต้นคอ ไหล่ หลัง เอว อยู่เสมอ
- ระหว่างทำงาน คุณรู้สึกปวดเมื่อยจนบางครั้งต้องกินยาแก้ปวด หรือไปนวดเพื่อให้หายปวด
- คุณรู้สึกตาพร่ามัว อ่านหน้าจอไม่ชัด ระหว่างทำงานเป็นบางครั้ง
หากคำตอบของคุณส่วนใหญ่คือใช่ นั่นหมายความว่าคุณมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นออฟฟิศซินโดรม และแม้ว่าออฟฟิศซินโดรมจะไม่ใช่โรคหรือการเจ็บป่วยที่ร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการแก้ไขหรือการรักษาที่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งกระทบต่อประสิทธิภาพและความสุขในการทำงานได้ ดังนั้นจึงควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์โดยด่วน