Header

อันตรายจากเสียงดัง ส่งผลร้ายถึงขั้นพิการ ไม่มีทางรักษาให้หายได้

blank คลินิกโสต ศอ นาสิก โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

อันตรายจากเสียงดัง-โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

มลพิษทางเสียง

คือ การที่เราได้ยินเสียงที่ดังเกินไป และระดับความดังมากกว่าที่หูของเราจะรับไหว เสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อประสาทหูนั่นเอง ซึ่งปกติแล้วมลพิษทางเสียงนั้นจะเกิดกับคนที่ทำงานอยู่ในโรงงาน หรือใกล้เครื่องจักรอุตสาหกรรมเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะต้องทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดังมาก อย่างเช่น โรงงานทอผ้า โรงงานปั๊มโลหะ หรือผู้ที่อาศัยอยู่ในย่านจราจรคับคั่ง โดยเฉพาะคนที่อยู่ใกล้สนามบินมากๆ 

ความดังของเสียงที่ดังและนานเกินไป จะเข้าไปทำให้อวัยวะรับเสียง โดยเฉพาะเซลล์ขนและประสาทรับเสียงเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ทำให้เราไม่สามารถได้ยินเสียงทั่วไปในสภาวะระดับปกติ หรือที่เรียกกันว่า ‘หูตึง’ นั่นเอง

อีกทั้งถ้าเรายังคงฝืนตัวเองอยู่ในที่ที่มีมลพิษทางเสียง หรือในที่ทำงานเสียงดังอยู่ โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันเสียงดัง ก็จะทำให้เกิดปัญหา หูหนวกตามมาได้เลย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่มาก จะทำให้เราไม่สามารถได้ยินและติดต่อพูดคุยกับคนอื่นๆ ได้ตามปกติ ทำให้ดำรงชีวิตได้อย่างยากลำบากมากขึ้น กลายเป็นคนพิการที่ไม่มีทางรักษาให้หายได้…

  

มลพิษทางเสียง หรือการอยู่ในที่เสียงดัง ส่งผลร้ายต่อร่างกายในส่วนอื่นๆ

นอกจากมลพิษทางเสียงจะทำให้การใช้ชีวิตของเราผิดแปลกไป ทำให้เรากลายเป็นคนพิการ และใช้ชีวิตอย่างไม่มีประสิทธิภาพแล้ว มันยังทำให้ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายของเราผิดแปลกไปอีกด้วย เช่น เกิดแผลในกระเพาะอาหาร เนื่องจากเสียงดังจะเข้าไปทำให้กระเพาะหลั่งน้ำย่อยมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาความดันโลหิตสูง ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ไม่มีสมาธิในการทำงาน ซึ่งอาจนำไปสู่สาเหตุของการเกิดปัญหาความเครียด และกลายเป็นโรคจิต โรคประสาทได้ในที่สุด

 

ต้องเสียงดังแค่ไหน ถึงจะกลายเป็นมลพิษทางเสียง และทำให้เกิดอันตรายได้?

สำหรับใครที่สงสัยว่าต้องเสียงดังแค่ไหนถึงจะกลายเป็นมลพิษทางเสียงอยู่ละก็ ตอนนี้โลกเราได้มีการกำหนดมาตรฐานสากลขึ้นแล้ว โดยกำหนดให้ความดังของเสียงนั้นต้องไม่เกิน 85 เดซิเบล สำหรับคนที่ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 90 เดซิเบล ถ้าหากทำงาน 4 ชั่วโมงต่อวัน

โดยประเทศไทยเราเองก็มีกำหนดไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องความปลอดภัยในการทำงานกับสภาพแวดล้อม กำหนดให้ระดับความดังของเสียงที่พนักงานควรได้รับติดต่อกัน ต้องไม่เกิน 90 เดซิเบล สำหรับคนทำงานไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง และสำหรับคนทำงานวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป ต้องไม่เกิน 80 เดซิเบล ซึ่งคนที่ทำงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เป็นมลพิษทางเสียงแบบนี้ก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการสูญเสียสมรรถภาพการได้ยินสูง ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงเอาไว้ตลอดเวลา

 

ความดังของเสียงระดับไหน ที่เริ่มเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายและมลพิษทางเสียง?

การคาดคะเนความดังในระดับเกณฑ์ที่เป็นอันตรายนั้น สามารถทำได้โดยการสังเกตและเปรียบเทียบกับเสียงต่างๆ เหล่านี้

เสียงกระซิบ         30         เดซิเบล

เสียงพิมพ์ดีด        50         เดซิเบล

เสียงคุยทั่วไป        60         เดซิเบล

เสียงรถวิ่ง            80         เดซิเบล

เสียงขุดเจาะถนน   100       เดซิเบล

เสียงค้อนทุบ        120       เดซิเบล

เสียงเครื่องบินขึ้น   140       เดซิเบล

 

 

ป้องกันอันตรายจากมลพิษทางเสียงได้ด้วยวิธีไหนบ้าง?

อันตรายจากมลพิษทางเสียงนั้นมีอยู่มากมายอย่างที่เราได้บอกไป ดังนั้นเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องใส่ใจและไม่มองข้ามอันตรายจากมลพิษทางเสียง โดยการป้องกันอันตรายจากมลพิษทางเสียงนั้นสามารถทำได้หลากหลายวิธีเช่นกัน เริ่มต้นจากการขอความร่วมมือของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง สร้างโครงสร้างที่ป้องกันเสียงและใช้วัสดุที่สามารถลดเสียงได้ อีกทั้งการบำรุงรักษาเครื่องจักรให้เกิดเสียงน้อยที่สุดก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้ลดความเสี่ยงในเรื่องของระดับเสียงไปได้

แต่สิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับองค์กรและสำหรับพนักงานทุกคนก็คือ การจัดหาและดูแลให้พนักงานได้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่ดีและมีศักยภาพ ไม่ว่าจะเป็นที่อุดหู หรือที่ครอบหูต่างๆ และบังคับสวมใส่อย่างเข้มงวด ให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของมลพิษทางเสียง เพื่อปลูกจิตสำนึกให้รู้จักรักและระมัดระวังตัวเอง
 

ควรที่จะมีการตรวจสอบสมรรถภาพการได้ยินของพนักงานเป็นประจำทุกปี อีกทั้งยังตรวจสอบระดับความดังของสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเป็นประจำ เพื่อที่จะได้ทราบถึงความอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับประสาทการรับเสียง และหาทางแก้ไขพร้อมทั้งป้องกันได้อย่างทันท่วงที ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ช่วยลดการเกิดเสียงนั้นเป็นทางออกที่ง่ายที่สุด และได้ประสิทธิภาพมากที่สุด
 

นอกจากนี้การใช้หูฟังแบบครอบหูแทนหูฟังแบบเสียบในหูก็ถือเป็นการรักษาสุขภาพหูของเราได้อย่างดีเช่นกัน ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราไม่สามารถพูดคุยด้วยระดับเสียงปกติได้ในระยะห่างเพียง 1 ช่วงแขน แสดงว่าระดับเสียงในจุดๆ นั้นดังมากเกินไปนั่นเอง



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

แผนกตา หู คอ จมูก

สถานที่

อาคาร A ชั้น G

เวลาทำการ

จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 - 20.00

เบอร์ติดต่อ

02 080 5999 ต่อ 4011

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

4 วิธีเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการตรวจส่องกล้อง

วิธีเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการตรวจส่องกล้อง

blank บทความโดย : ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
4 วิธีเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการตรวจส่องกล้อง

วิธีเตรียมตัว ก่อนเข้ารับการตรวจส่องกล้อง

blank บทความโดย : ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
มะเร็งตับอ่อน

มะเร็งตับอ่อน พบได้ไม่บ่อยแต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการ ปวดท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือตัวเหลือง

blank บทความโดย : ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
มะเร็งตับอ่อน

มะเร็งตับอ่อน พบได้ไม่บ่อยแต่มีอัตราการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับ 8 ของโลก เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมาพบแพทย์ด้วยอาการ ปวดท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลด หรือตัวเหลือง

blank บทความโดย : ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI คือเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ในการตรวจวินิจฉัยรอยโรคของผู้ป่วย เพื่อนำมาใช้ในการรักษาและติดตามผลการรักษา

blank ศูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การตรวจด้วยเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)

Magnetic Resonance Imaging หรือ MRI คือเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ในการตรวจวินิจฉัยรอยโรคของผู้ป่วย เพื่อนำมาใช้ในการรักษาและติดตามผลการรักษา

blank ศูนย์เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม