Header

เข้าใจและรับมือกับ ‘โรคซึมเศร้า’

blank บทความโดย : คลินิกอายุรกรรม โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ในช่วงที่ผ่านมานี้ สื่อต่าง ๆ มีการนำเสนอข่าวการฆ่าตัวตายที่มีส่วนเกี่ยวโยงกับโรคซึมเศร้าออกมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้กรมสุขภาพจิตยังเปิดเผยข้อมูลว่ามีคนไทยที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้ามากถึง 1.5 ล้านคนเลยทีเดียว แต่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเพียงอาการ หรือสภาพจิตใจที่เปลี่ยนไปเพียงชั่วครู่ หลังจากเกิดความผิดหวัง หรือได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจ และสามารถรักษาได้ด้วยการให้กำลังใจ แต่ในความเป็นจริงแล้วโรคซึมเศร้ารุนแรงกว่านั้นมาก

วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโรคซึมเศร้าให้มากขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ในการหาแนวทางการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมได้อย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

โรคซึมเศร้าคืออะไร ?

โรคซึมเศร้าเป็นโรคทางจิตเวชชนิดหนึ่ง อันเกิดจากความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง 3 ชนิด ได้แก่ ซีโรโตนิน (Serotonin) นอร์เอปิเนฟริน (Norepinephrine) และโดปามีน (Dopamine) ซึ่งส่งผลกระทบต่อความคิด อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรม รวมไปถึงสุขภาพกาย

อาการของโรคซึมเศร้า

  • เศร้า หดหู่ ซึม
  • หงุดหงิด โกรธง่าย มีอารมณ์รุนแรง
  • เบื่อหน่าย หมดความสนใจในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่เคยชอบมาก ๆ
  • นอนไม่หลับ หรือหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือหลับมากเกินไป
  • เบื่ออาหารหรือกินมากเกินไป
  • เหนื่อยง่าย ไม่ค่อยมีแรง ไม่มีพลัง ไม่อยากลุกขึ้นมาทำอะไรเลย
  • รู้สึกตัวเองไร้ค่า ไม่มั่นใจในตัวเอง โทษตัวเอง
  • มีความคิดทำร้ายตัวเอง อยากฆ่าตัวตาย

หากมีอาการดังกล่าวข้างต้นอย่างน้อย 5 ข้อ อยู่เกือบตลอดเวลา เป็นเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า 14 วัน ถือว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า ควรรีบพบแพทย์โดยด่วน

 

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

  • พันธุกรรม
  • สภาพแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูของพ่อแม่ อิทธิพลจากคนใกล้ชิด การเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่
  • ลักษณะนิสัย โดยเฉพาะคนที่อ่อนไหวง่าย คิดมาก มองโลกในแง่ลบ
  • สารเคมีในสมอง

การตรวจวินิจฉัยโรคซึมเศร้า

สามารถตรวจวินิจฉัยได้ด้วยการซักประวัติ สอบถามอาการและเรื่องราวจากผู้ป่วยหรือคนใกล้ชิด หรือทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา เพื่อให้เข้าใจและแน่ใจว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นโรคทางจิตเวชอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกับโรคซึมเศร้า
ในบางรายที่สงสัยว่าผู้ป่วยอาจมีโรคทางร่างกายอื่น ๆ ที่อาจเป็นสาเหตุของอาการที่พบ อาจมีการตรวจร่างกาย และส่งตรวจพิเศษที่จำเป็น

แนวทางการรักษา

  • รักษาด้วยการใช้ยา โดยในปัจจุบันยารักษาโรคซึมเศร้าถือเป็นยาที่ปลอดภัย ไม่ค่อยมีผลข้างเคียง ไม่ทำให้เกิดการติดยา และไม่ทำให้เกิดอาการมึนงงอย่างที่เข้าใจผิดกัน นอกจากนี้ควรกินยาตามที่แพทย์สั่ง และไม่ควรหยุดยาเองโดยเด็ดขาด
  • รักษาด้วยจิตบำบัดและการพูดคุยให้คำปรึกษา โดยแพทย์จะช่วยเหลือชี้แนะการมองปัญหา   ต่าง ๆ ในมุมมองใหม่ และแนวทางในการปรับตัว หรือแม้แต่การหาสิ่งที่ช่วยทำให้จิตใจผ่อนคลายความทุกข์ใจลง
  • รักษาด้วยไฟฟ้า ในรายที่มีอาการรุนแรง

ทำอย่างไรให้ห่างไกลจากโรคซึมเศร้า

  • กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยหากขาดสารอาหารบางอย่างไป เช่น โอเมก้า 3 วิตามินอี วิตามินซี วิตามินดี ทองแดง และธาตุเหล็ก อาจทำให้มีความเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้ามากขึ้น
  • การออกกำลังกาย โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อย 4 วันต่อสัปดาห์ ต่อเนื่องกัน 30 – 40 นาที
  • การพักผ่อนให้เพียงพอ
  • การใช้ชีวิต ควรหาเวลาออกไปทำกิจกรรมที่ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี ๆ สนุกสนาน ทำให้ตนเองรู้สึกมั่นใจและมีคุณค่า และได้ใช้เวลาร่วมกับคนอื่น ๆ มากกว่าที่จะอยู่คนเดียว นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงการนำตนเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้จิตใจหดหู่
  • การฝึกคิดบวก
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลีกเลี่ยงการใช้สารเสพติด

วิธีรับมือเมื่อคนใกล้ตัวเป็นโรคซึมเศร้า

  • พาไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
  • ย้ำเตือนให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
  • พูดคุยแบบรับฟังโดยไม่ตัดสิน
  • ให้กำลังใจด้วยคำพูดดี เช่น ฉันอยู่ข้าง ๆ เธอนะ เธอยังมีฉันอยู่นะ เป็นต้น
  • ระวังเรื่องการใช้คำพูดที่บั่นทอน ซ้ำเติม หรือดูเหมือนปัญหาของเขาเป็นเรื่องเล็ก เช่น เรื่องแค่นี้เอง คนอื่นยังไม่เห็นเป็นอะไรเลย
  • แสดงออกผ่านการกระทำ เช่น กอด จับมือ เป็นต้น

 

จะเห็นได้ว่าโรคซึมเศร้านั้น เป็นโรคทางจิตเวชที่เกิดจากความผิดปกติของสารเคมีในสมอง ไม่ใช่ความอ่อนแอทางด้านจิตใจของผู้ป่วยแต่อย่างใด และไม่ใช่โรคประหลาด อย่างไรก็ตามโรคนี้เป็นได้ ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน ดังนั้นผู้ป่วยไม่ต้องกลัวที่จะเข้ารับการรักษาที่ถูกต้อง และเหมาะสม เพราะยิ่งรักษาเร็วเท่าไหร่อาการก็จะยิ่งดีขึ้นเร็วเท่านั้น แล้วเราจะกลับมายิ้มอย่างสดใสด้วยกันนะคะ



แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้หรือไม่ ? คนที่เคยเป็น อีสุกอีใสมาก่อน มีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคงูสวัด ได้ทุกคน

โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella zoster (VZV) ที่ทำให้เกิดผื่นพุพอง เป็นตุ่มน้ำมีอาการคัน สามารถกระจายไปยังผิวหนังทั่วร่างกาย

รู้หรือไม่ ? คนที่เคยเป็น อีสุกอีใสมาก่อน มีโอกาสเสี่ยงเป็น โรคงูสวัด ได้ทุกคน

โรคงูสวัด เกิดจากเชื้อไวรัส Varicella zoster (VZV) ที่ทำให้เกิดผื่นพุพอง เป็นตุ่มน้ำมีอาการคัน สามารถกระจายไปยังผิวหนังทั่วร่างกาย

เท้าแบนเจ็บอุ้งเท้าบ่อย อย่าชะล่าใจ เสี่ยงเป็น “ โรคเท้าแบน Flat Feet ” แบบไม่รู้ตัว!

โรคเท้าแบน หรือ Flat Feet ภัยเงียบสุดอันตราย ที่เป็นภาวะผิดปกติของโครงสร้างเท้า และโครงสร้างเส้นเอ็น เจ็บอุ้งเท้าบ่อย ที่คล้องอยู่กับอุ้งเท้า

นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
เท้าแบนเจ็บอุ้งเท้าบ่อย อย่าชะล่าใจ เสี่ยงเป็น “ โรคเท้าแบน Flat Feet ” แบบไม่รู้ตัว!

โรคเท้าแบน หรือ Flat Feet ภัยเงียบสุดอันตราย ที่เป็นภาวะผิดปกติของโครงสร้างเท้า และโครงสร้างเส้นเอ็น เจ็บอุ้งเท้าบ่อย ที่คล้องอยู่กับอุ้งเท้า

นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคทางนรีเวช ภัยร้ายของคุณผู้หญิง ป้องกันได้ด้วยการตรวจภายใน

ร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน บางครั้งร่างกายอาจเกิดความผิดปกติและโรคต่าง ๆขึ้นได้ เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโรคทางนรีเวชที่สำคัญ ๆ เพื่อให้เตรียมตัวป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที

โรคทางนรีเวช ภัยร้ายของคุณผู้หญิง ป้องกันได้ด้วยการตรวจภายใน

ร่างกายของผู้หญิงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตั้งแต่วัยเด็กไปจนถึงวัยหมดประจำเดือน บางครั้งร่างกายอาจเกิดความผิดปกติและโรคต่าง ๆขึ้นได้ เราจึงอยากแนะนำให้ทุกคนรู้จักกับโรคทางนรีเวชที่สำคัญ ๆ เพื่อให้เตรียมตัวป้องกันโรคต่าง ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทันท่วงที