Header

วัยเก๋า……..ต้องไม่เกาต์

นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา โรงพยาบาลพริ้นซ์สุวรรณภูมิ นพ.ปรัชญ์ พิพัฒน์วัฒนา

โรคเกาต์ และเกาต์เทียมเป็นโรคที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนแต่จะพบได้บ่อยที่สุดในผู้สูงอายุซึ่งเป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดบริเวณกระดูกและข้อส่งผลให้การเดินและการใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปได้อย่างยากลำบากอีกทั้งในผู้สูงอายุบางท่านเมื่อเป็นโรคนี้อาจจะปวดจนเดินไม่ได้อีกด้วยมารู้จักกับโรคเกาต์ให้มากขึ้นเพื่อเฝ้าระวังและป้องกันไม่ให้โรคที่แสนทรมานกัน

สาเหตุของโรค

โรคเกาต์ (Gout) คือโรคที่เกิดจากการที่กรดยูริกในเลือดมีปริมาณสูงติดต่อกันเป็นระยะเวลานานแล้วตกตะกอนเป็นผลึกตามข้อและเนื้อเยื่อต่าง ๆ กรดยูริกนี้ได้มาจากการรับประทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีสารอาหารที่ชื่อว่าพิวรีนในปริมาณมากซึ่งสารพิวรีนจะถูกเผาผลาญกลายเป็นกรดยูริกนั่นเองปัจจัยเสี่ยง

โรคเกาต์สามารถพบได้ทุกเพศทุกวัยแต่เนื่องจากโรคเกาต์จะต้องใช้เวลาในการสะสมกรดยูริกนานกว่า 10 ปีถึงจะเริ่มแสดงอาการจึงพบได้มากในผู้ชายอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไปและพบได้มากในเพศชายมากกว่าเพศหญิงหากพบในเพศหญิงจะเป็นผู้หญิงในวัยหมดประจำเดือน

 

กรดยูริคคืออะไร

กรตนี้ส่วนใหญ่ร่างกายจะสร้างเองมีเพียงส่วนน้อยไม่ถึงร้อยละ 20 ที่ได้รับจากอาหารค่าที่สูงเกินกว่าระดับตั้งกล่าวถือว่ามีกรดยูริคสูงซึ่งภาวะดังกล่าวสัมพันธ์กับภาวะอ้วน, พันธุกรรมในครอบครัว, ยาในบางชนิดเช่นยาขับปัสสาวะและยาแอสไพรินและโรคร่วมเช่นความดันโลหิตสูง, อาหารที่มีกรดยูริคสูง

 

อาการของโรคเกาต์สามารถแบ่งตามลักษณะอาการออกเป็น 3 ระยะ

1. หากผู้ป่วยมีอาการอักเสบบริเวณข้อส่วนล่างโดยเฉพาะหัวแม่เท้าข้างใดข้างหนึ่งถ้ามีอาการเช่นนี้แสดงว่าผู้ป่วยเข้าสู่ระยะข้ออักเสบเฉียบพลัน

2. หลังจากมีอาการอักเสบบริเวณข้ออย่างเฉียบพลันแล้วผู้ป่วยจะกลับมามีอาการปกติ แต่ถึงอย่างนั้นผู้ป่วยก็จำเป็นจะต้องรับการรักษาไม่เช่นนั้นผู้ป่วยอาจจะกลับมาเป็นซ้ำได้ ซึ่งหากเป็นซ้ำบ่อย ๆ จำนวนข้ออักเสบจะเพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ อาการดังกล่าวเป็นอาการของระยะที่เรียกว่าระยะไม่มีอาการและระยะเป็น

3. หากผู้ป่วยเกิดข้ออักเสบจำนวนมากแบบเรื้อรังลามมาที่ข้ออื่น ๆ และตรวจพบก้อนจากผลึกของกรดยูริกขนาดโตขึ้นเรื่อย ๆ ใจแตกอให้เห็นเป็นผงชาวนวลคล้ายซอล์กเรียกว่าโทฟัส (tophus) และอาจมีใข้แทรกซ้อนจากอาการอักเสบอาการเช่นนี้คืออาการของระยะข้ออักเสบเรื้อรัง

 

การรักษา

โรคเกาต์สามารถรักษาได้โดยไม่ต้องใช้ยาแต่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตเช่นการออกกำลังกายการรับประทานอาหารแต่ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงอาจจะมีการใช้ยาที่แพทย์จําหน่ายให้ร่วมด้วย

อาหารที่ทำให้มีกรดยูริคสูง

  • เหล้าและเบียร์
  • เครื่องในสัตว์เช่นตับไตสมอง
  • อาหารทะเล
  • อาหารที่มีไขมันสูงเช่นขนมเค้กขนมปังน้ำหวานหรือน้ำผลไม้ที่มีรสหวาน
     

 
 

โรคเกาต์กินอะไรดี

กินไก่เยอะเป็นโรคเกาต์จริงไหม?

ถ้าพูดถึงโรคเกาต์หลาย ๆ คนคงคิดถึงประโยคยอดฮิตอย่าง“ กินไก่เยอะ ๆ จะทาให้เป็นโรคเกาต์แล้วความเชื่อแบบนี้เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? จริง ๆ แล้วคนปกติทั่วไปที่ไม่ได้ป่วยเป็นโรคเกาต์สามารถกินไกได้ตามปกติเลยค่ะไม่ได้ส่งผลให้เป็นโรคเกาต์ แต่จะมีผลกับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเกาต์อยู่ก่อนแล้ว แต่อาการยังไม่ปรากฏออกมาหรือผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงโรคเกาต์ถ้าทานเยอะจนเกินไปก็จะส่งผลให้เป็นโรคเกาต์ได้
 

 


สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษาได้ที่ Call Center 02-080-5999 หรือ LINE : @psuv

หรือ คลิกที่นี่เพื่อ Add Line ของเรา

ศูนย์การแพทย์ที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์กระดูกและข้อ

สถานที่

อาคาร A ชั้น G

เวลาทำการ

จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 - 20.00

เบอร์ติดต่อ

02 080 5999 ต่อ 4110

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ผู้หญิงควรระวัง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นความเสี่ยงจากการทำกิจกรรมทางเพศ ผู้หญิงหลายคนที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น

นพ.บุญชู สถิรลีลา โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ นพ.บุญชู สถิรลีลา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่ผู้หญิงควรระวัง

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นความเสี่ยงจากการทำกิจกรรมทางเพศ ผู้หญิงหลายคนที่ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อาจไม่มีอาการแสดงให้เห็น

นพ.บุญชู สถิรลีลา โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ นพ.บุญชู สถิรลีลา

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD or Coronary Heart Disease)

โรคหัวใจและหลอดเลือดนับว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตจากโรคมากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง โดยสถิติกระทรวงสาธาณสุขเมื่อปี 2561

นพ.ทัศนัย จันโหนง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Disease: CAD or Coronary Heart Disease)

โรคหัวใจและหลอดเลือดนับว่าเป็นโรคที่เป็นสาเหตุในการเสียชีวิตจากโรคมากเป็นอันดับ 2 รองจากโรคมะเร็ง โดยสถิติกระทรวงสาธาณสุขเมื่อปี 2561

นพ.ทัศนัย จันโหนง

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
โรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและทุพพลภาพ จากสถิติในประเทศไทยในรายงานปี 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองกว่า 34,728 คน

โรคหลอดเลือดสมอง

โรคหลอดเลือดสมอง เป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเสียชีวิตและทุพพลภาพ จากสถิติในประเทศไทยในรายงานปี 2562 พบว่า มีผู้เสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดสมองกว่า 34,728 คน