Header

หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง (Robotic Gait Assisted Device)

blank กภ.วิทยา ดวงงา หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง (Robotic Gait Assisted Device) เพื่อการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวอย่างมีประสิทธิภาพ-โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ด้วยร่างกายของมนุษย์จะมีชุดวงจรประสาทเรียกว่า Central Pattern Generator (CPG) มีหน้าที่ในการจดจำรูปแบบการเคลื่อนไหวแบบซ้ำๆ ซึ่งรวมถึงรูปแบบการเดินด้วย ดังนั้น การฝึกเดินซ้ำๆ ด้วยหุ่นยนต์ฝึกเดิน จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้เกิดการเรียนรู้การเดิน ทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นฟูการเคลื่อนไหวได้

 

หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง Robotic Gait Assisted Device

Robotic Gait Assisted Device คืออุปกรณ์หุ่นยนต์ที่ช่วยในการฝึกเดินเสมือนจริง สำหรับผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดินหรือการทรงตัว อุปกรณ์นี้ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เช่น เซนเซอร์และซอฟต์แวร์ควบคุม เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฝึกการเดินได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย โดยการฟื้นฟูด้วยหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาและลดเวลาในการฟื้นฟูร่างกายของผู้ป่วย

 

การทำงานของ หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง Robotic Gait Assisted Device

  • ทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ ช่วยออกแบบการเคลื่อนไหวให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
  • สามารถปรับรูปแบบการเดิน กำหนดความเร็วในการเดิน กำหนดรูปแบบการเดินได้หลายรูปแบบทั้งการเดินพื้นราบ ทางชัน การขึ้นลงบันได เป็นต้น
  • ช่วยทำให้ฝึกเดินได้นานขึ้น ฝึกฝนสมองให้จดจำทำให้ช่วยเร่งฟื้นฟูการเดิน หรือทำการกายภาพบำบัดได้ผลเร็วขึ้น
     

หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง Robotic Gait Assisted Device มีประโยชน์อย่างไร

  • ฟื้นฟูสมรรถภาพการเดิน

ผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดินจากโรคหลอดเลือดสมอง, การบาดเจ็บที่ไขสันหลัง หรือโรคเกี่ยวกับระบบประสาท ต้องการการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพ การใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริงจะช่วยให้สมองเกิดการเรียนรู้จากการฝึกทำซ้ำ ๆ ทำให้การหัดเดินทำได้รวดเร็วขึ้น เนื่องจากหุ่นยนต์สามารถปรับการเคลื่อนไหวตามความสามารถของผู้ป่วยได้

  • ลดเวลาในการฟื้นฟู 

การใช้หุ่นยนต์ช่วยลดเวลาในการฟื้นฟูร่างกาย เนื่องจากการฝึกเดินที่แม่นยำและต่อเนื่อง ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถฝึกเดินได้อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อ ผู้ป่วยสามารถเดินระยะได้ไกลมากขึ้น

  • ความแม่นยำและความสม่ำเสมอในการฝึก

หุ่นยนต์สามารถทำงานด้วยความแม่นยำและสม่ำเสมอ ช่วยให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และลดความเสี่ยงจากการฝึกที่ไม่ถูกต้อง สามารถใช้ในการฝึกเดินทั้งในโรงพยาบาลและที่บ้าน 

  • ปรับการฝึกเดินได้หลายรูปแบบ และเหมาะสมกับแต่ละบุคคล

สามารถใช้หุ่นยนต์ในการฝึกเดินได้หลายรูปแบบ เช่น การก้าว การลงน้ำหนัก สามารถปรับรูปแบบการฝึก และกำหนดความเร็วในการก้าวเดินให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเฉพาะบุคคลได้ ทำให้การฝึกมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • เพิ่มความปลอดภัย

หุ่นยนต์มีระบบเซนเซอร์ที่สามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติและปรับการทำงานให้เหมาะสม ลดความเสี่ยงในการบาดเจ็บระหว่างการฝึก

  • ให้ผู้ป่วยกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติ

ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเดินได้ใกล้เคียงปกติ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นโดยเร็ว

 

ขั้นตอนการฟื้นฟูด้วย Robotic Gait Assisted Device

  • การประเมินผู้ป่วยเบื้องต้น

แพทย์และนักกายภาพบำบัดจะทำการประเมินสภาพร่างกายของผู้ป่วย รวมถึงการตรวจสอบประวัติการเจ็บป่วยและสภาพการเดินในปัจจุบัน เช่น การทดสอบความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ความสามารถในการทรงตัว และการเคลื่อนไหว

  • การวางแผนการฟื้นฟู

ทีมแพทย์และนักกายภาพบำบัดจะร่วมกันวางแผนการฟื้นฟู โดยกำหนดเป้าหมายการฝึกเดินและระยะเวลาที่ต้องใช้ ให้เหมาะสมกับความสามารถและสภาพร่างกายของผู้ป่วย

  • การตั้งค่าหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง

นักกายภาพบำบัดจะทำการตั้งค่าและปรับแต่งหุ่นยนต์ให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละคน ซึ่งจะรวมถึงการปรับระดับแรงต้านและการเคลื่อนไหวของหุ่นยนต์

  • การฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง

ผู้ป่วยจะเริ่มการฝึกเดินด้วยหุ่นยนต์ภายใต้การควบคุมและดูแลของนักกายภาพบำบัด เพื่อให้การฝึกเป็นไปอย่างถูกต้องและปลอดภัย

  • การติดตามผลและปรับโปรแกรมการฝึก

ทีมแพทย์จะติดตามผลการฝึกและทำการปรับโปรแกรมการฝึกตามความก้าวหน้าของผู้ป่วย เช่น การเพิ่มความยากของการฝึก เพื่อให้ผู้ป่วยได้พัฒนาทักษะการเดินอย่างต่อเนื่อง
 

ผู้ป่วยกลุ่มไหนที่ควรใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง

Robotic Gait Assisted Device หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง มีประโยชน์ในการฟื้นฟูและช่วยเหลือผู้ป่วยหลายประเภท โดยเฉพาะกลุ่มผู้ป่วยที่มีปัญหาในการเดินหรือการทรงตัวจากสาเหตุต่าง ๆ ดังนี้

  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง (Stroke Patients)
  • ผู้ป่วยบาดเจ็บที่ไขสันหลัง (Spinal Cord Injury Patients)
  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาการทรงตัว (Balance Disorders) เช่น ผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
  • ผู้ป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Muscle Weakness)
  • ผู้ป่วยที่มีปัญหาการเคลื่อนไหวหลังการผ่าตัด (Post-Surgical Patients)
  • ผู้ป่วยโรคทางระบบประสาท (Neurological Disorders)
  • ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเดิน (Elderly Patients with Mobility Issues)
  • ผู้ที่มีปัญหาด้านการเดิน (Patients with gait deficit)

 

ข้อควรระวังในการใช้หุ่นยนต์ฝึกเดินเสมือนจริง

  • เกิดแผลถลอก หรือรอยแดง บริเวณผิวหนังที่เกิดการกดทับ
  • อาจเกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ เนื่องจากการเปลี่ยนท่าทาง
  • หน้ามืด เวียนศีรษะ หรือหมดสติ
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ




"หากมีคำถาม หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการรักษา กรุณาปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญ เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง"

คลิก เพื่อขอคำปรึกษา

 



ศูนย์การรักษาที่เกี่ยวข้อง

แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด  โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

แผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

สถานที่

อาคาร B ชั้น 2

เวลาทำการ

จันทร์ - อาทิตย์ 08.00 -17.00

เบอร์ติดต่อ

02 080 5999 ต่อ 1302

แพทย์แนะนำ

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

พญ.กิติยา จันทรวิถี

พญ.กิติยา จันทรวิถี

ศูนย์ศัลยกรรมทั่วไป

อายุรแพทย์โรคหัวใจและหลอดเลือด

นพ. ลิขิต กำธรวิจิตรกุล

ศัลยเเพทย์ออร์ปิดิกส์

บทความที่เกี่ยวข้อง

Shockwave ต่างกับ Ultrasound และ Laser อย่างไร

Shockwave เป็นเครื่องที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทก แต่ Ultrasound และ Laser เป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความร้อนในเนื้อเยื่อชั้นลึก

blank บทความโดย : แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
Shockwave ต่างกับ Ultrasound และ Laser อย่างไร

Shockwave เป็นเครื่องที่ทำให้เกิดคลื่นกระแทก แต่ Ultrasound และ Laser เป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความร้อนในเนื้อเยื่อชั้นลึก

blank บทความโดย : แผนกกายภาพบำบัด โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การฟื้นฟูการกลืนด้วย Biofeedback - รักษาอาการกลืนลำบาก

การฟื้นฟูการกลืนด้วยเครื่อง Biofeedback ช่วยปรับปรุงการกลืนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และผู้มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง

blank กภ.วิทยา ดวงงา หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
การฟื้นฟูการกลืนด้วย Biofeedback - รักษาอาการกลืนลำบาก

การฟื้นฟูการกลืนด้วยเครื่อง Biofeedback ช่วยปรับปรุงการกลืนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน โรคหลอดเลือดสมอง และผู้มีปัญหากล้ามเนื้ออ่อนแรง

blank กภ.วิทยา ดวงงา หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
หลังจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เราจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้หรือไม่?

หลังจากการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือด เราควรเลือกกิจกรรมที่มีความหนักอย่างเหมาะสม โดยใช้การคำนวณ METs หรือ Metabolic Equivalent of Task ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้วัดการใช้พลังงานของร่างกายในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ

blank คุณวิทยา ดวงงา หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม
หลังจากกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เราจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้หรือไม่?

หลังจากการเกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือด เราควรเลือกกิจกรรมที่มีความหนักอย่างเหมาะสม โดยใช้การคำนวณ METs หรือ Metabolic Equivalent of Task ซึ่งเป็นหน่วยที่ใช้วัดการใช้พลังงานของร่างกายในขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ

blank คุณวิทยา ดวงงา หัวหน้าแผนกเวชศาสตร์ฟื้นฟูและกายภาพบำบัด

ดูรายละเอียดเพิ่มเติม